MTS Help Center

• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.510 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับแข็งค่าสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 วัน ขณะที่ตลาดกำลังเฝ้ารอผลการลงมติร่างนโยบายภาษีของสหรัฐฯคืนนี้

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 112.690 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงหนุนในตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังนายจอห์น แมคเคน ส.ว.รีพับลิกัน ให้การสนับสนุนร่างนโยบายภาษี ส่งผลให้นโยบายภาษีมีแนวที่จะสำเร็จมากขึ้น

ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ ปรับอ่อนค่าลง 0.1% ที่ระดับ 92.956 จุด เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์ ปรับแข็งค่าขึ้นไป 0.2%

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ระดับ 1.1908 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากแข็งค่าขึ้นมา 0.5% เมื่อวานนี้

• พรรครีพับลิกันได้ทำการหารือและปรับปรุงร่างนโยบายเมื่อวานถึงเช้าวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะนำเข้าสภาเพื่อลงมติจริง ที่จะเริ่มต้นในช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มคืนวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย

การล่าช้าในการผลักดันนโยบายภาษีที่ปรากฏออกมาครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้บรรดาส.ว.สูญเสียความเชื่อมั่นว่านโยบายภาษีจะไม่สามารถประสบผลสำเร็จ แต่ส.ว.ส่วนมากเริ่มไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันสำเร็จทันสิ้นปีนี้

• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนประจำเดือนต.ค. ปรับตัวลดลงที่ระดับ 50.8 จากเดิมที่ระดับ 51.0 อย่างไรก็ดียังคงใกล้เคียงกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จะปรับลดลงที่ระดับ 50.9

ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว และดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต

• รัฐบาลเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า เกาหลีเหนือจะระงับการทดสอบขีปนาวุธไปสักระยะหนึ่ง เนื่องจากยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆของขีปนาวุธ เช่น ระบบกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ระบบนำทาง และระบบการจุดระเบิดหัวรบ แม้เกาหลีเหนือจะอ้างว่าขีปนาวุธลูกล่าสุด หรือ Hwasong-15 จะสามารถยิงได้ไกลถึงเมืองหลวงของสหรัฐฯก็ตาม

• ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น หลังกลุ่มโอเปกและรัสเซียตกลงที่จะขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตออกไป เพื่อช่วยลดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดที่ยังคงยืดเยื้ออยู่

โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 0.3% ที่ระดับ 57.57 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 24 เซนต์ ที่ระดับ 62.87 เหรียญ/บาร์เรล

• บรรดาโรงกลั่นน้ำมันในเอเชีย ตอบรับกับข่าวการปรับขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ด้วยการสั่งซื้อน้ำมันจากกลุ่มประเทศในทะเลแคริบเบียนและเม็กซิโกเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมันของกลุ่มโอเปกและรัสเซียที่จะสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นของผระเทศในกลุ่มโอเปกและประเทศรัสเซียปรับร่วงลง