• ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 วันทำการเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรเพื่อปรับสถานะในช่วงสิ้นเดือน แต่ภาพรวมดอลลาร์ก็ยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นขานรับกับแนวโน้มเชิงบวกในความพยายามผลักดันนโยบายภาษีฉบับยกเครื่อง
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.42% ที่ระดับ 1.1897 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ระหว่างวันปรับขึ้นทำระดับสูงสุดบริเวณ 1.1931 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าขึ้น 0.6% ที่ระดับ 112.59 เยน/ดอลลาร์ ทางด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.11% ที่ระดับ 93.06 จุด
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวขึ้นจากข่าวที่ว่า นายจอห์น แมคเคน สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันกลับมาให้การสนับสนุนร่างภาษี จึงมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดแรงกดดันในสภาและอาจทำให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายภาษีได้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับขึ้นแตะ 2.415% จากระดับ 2.376% โดยระหว่างวันเมื่อคืนนี้สามารถขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ได้บริเวณ 2.437%
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลระยะสั้นอายุ 2 ปี ยังคงทำระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี บริเวณ 1.798% จากระดับ 1.762% ขานรับกับกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ก็ยังคงร่วงลงกว่าที่คาดติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 จึงยังบ่งชี้ถึงภาวะที่แข็งแก่รงของตลาดแรงงาน
ขณะที่ข้อมูลการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนต.ค.ยังออกมาในเกณฑ์ชะลอตัว เพราะการเข้าซื้อยานยนต์ของชาวอเมริกาเริ่มลดน้อยลงหลังจากที่ก่อนหน้านั้นเข้าซื้อยานยนต์ใหม่เพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคน
ทางด้านข้อมูลการอุปโภคบริโภคสะท้อนให้เห็นถึงภาวะแรงกดดันด้านราคามีการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จึงบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นของเงินเฟ้อและจะส่งผลให้เฟดทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อในการประชุมเดือนหน้า
• นายจอห์น แมคเคน ส.ว.รีพับลิกัน เมื่อคืนนี้ ได้ตัดสินใจลงมติสนับสนุนร่างนโยบายภาษี ส่งผลให้ร่างนโยบายมีแนวโน้มที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้มากขึ้น เนื่องจากนายจอห์น เคยโหวตไม่สนับสนุนให้กับนโยบายประกันสุขภาพที่จะมาแทนที่โอบามาแคร์ ทำให้นโยบายประกันสุขภาพดังกล่าวต้องประสบความล้มเหลว การที่เขาตัดสินใจสนับสนุนนโยบายภาษีจึงถือเป็นคะแนนเสียงที่สำคัญที่สุดเสียงหนึ่ง
ทั้งนี้ นายจอห์นเชื่อว่านโยบายภาษีจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ถึงแม้ร่างนโยบายยังมีจุดบกพร่องอยู่ก็ตาม
• การดำเนินนโยบายปฏิรูปภาษีของรีพับลิกันต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งระหว่างการลงมติปรับปรุงร่างนโยบาย เนื่องจากนายบ็อบ คร็อกเกอร์ ส.ว.รีพับลิกัน ต้องการให้ร่างนโยบายมีการเพิ่มมาตรการป้องกันที่จะเป็นการปรับเพิ่มระดับภาษีโดย”อัตโนมัติ” หากนโยบายภาษีไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่คาดการณ์ไว้
• รัฐบาลฝ่ายกลางแห่งสหรัฐฯ ประเมินว่า นโยบายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะสามารถกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจให้มีรายได้เข้าประเทศได้ถึง 4.07 แสนล้านเหรียญ จึงสามารถช่วยทดแทนการขาดรายได้ของภาครัฐที่เกิดจากการปรับลดภาษีลงไปได้
• คณะกรรมการการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ จะทำการลงมติเพื่อตัดสินให้นายเจอโรม โพเวล ว่าที่ประธานเฟด เข้ารับตำแหน่งหรือไม่ ภายในวันอังคารที่ 5 ธันวาคม เวลาประมาณ 4ทุ่มตามเวลาประเทศไทย ทั้งนี้ คาดว่านายเจอโรม จะสามารถผ่านการลงมติเพื่อรับตำแหน่งประธานเฟดได้อย่างแน่นอน
• นายโรเบิร์ค เคฟแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวถึง นายมาวิน กู๊ดเฟรน ว่าที่คณะกรรมการเฟดที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้คัดเลือกให้เข้าร่วมกับบอร์ดบริหารของเฟด ว่าเป็นผู้ที่ ”มีความสามารถ” และจะมีส่วนช่วยในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้อย่างแข็งแกร่ง
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนที่จะปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอสัน เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมองว่านายเร็กซ์อ่อนข้อให้กับกรณีความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือ
โดยคาดว่าผู้ที่จะมาแทนตำแหน่งคือนาย ไมค์ ปอมเปโอ (Mike Pompeo) ผู้อำนวยการ CIA และจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงานภายใน 1 สัปดาห์
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้เมื่อคืนนี้ หลังจากที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโอเปกและสมาชิกนอกโอเปกที่นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า พร้อมระบุถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวหากตลาดเผชิญกับภาวะ Overheat
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 46 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.7% ที่ระดับ 63.57 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 10 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.2% ที่ระดับ 57.40 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาพรวมเดือนพ.ย. น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นได้ 3.5% และน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นได้ 5.5%