• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560

    30 พฤศจิกายน 2560 | Economic News


ภาพในบรรทัด 1

• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ความไม่แน่นอนในการพยายามผลักดันร่างภาษีของนายทรัมป์ก็ยังเป็นอุปสรรคของค่าเงินดอลลาร์ในเวลานี้

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 93.231 จุด และเช้านี้ทรงตัวที่ระดับ 93.288 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนเมื่อคืนอ่อนค่าขึ้นบริเวณ 111.97 เยน/ดอลลาร์

• สมาชิกพรรครีพับลิกันยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษีฉบับแก้ไขของพวกเขา เนื่องจากบรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติยังคงมีความกังวลว่าแผนดังกล่าวอาจขยายยอดขาดดุลให้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันแผนฉบับล่าสุดก็ได้มีการยื่นต่อทางวุฒิสภาสหรัฐฯเพื่อทำการลงมติกันในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดี นายมิท แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ทางวุฒิสภาน่าจะเริ่มลงคะแนนกันตั้งแต่ช่วงค่ำวานนี้และจะเริ่มมีการอภิปรายต่อแผนร่างกฎหมายของพรรครีพับลิกันฉบับดังกล่าว

• บรรดาสมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐฯ จะนำร่างนโยบายปฏิรูปภาษีเพื่อทำการลงมติอย่างเป็นทางการในช่วงวันพฤหัสบดี-วันศุกร์นี้ ท่ามกลางความไม่ชัดเจนว่าร่างนโยบายดังกล่าวจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะสามารถผลักดันให้เป็นกฏหมายได้จริงหรือไม่ก็ตาม ขณะที่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการขาดรายได้และเพิ่มหนี้สินของรัฐบาลอีก 1.4 ล้านล้านเหรียญ ในระยะเวลา 10 ปี หากนโยบายดังกล่าวมีผลบังคับใช้จริง

ขณะที่เมื่อวานนี้ ทางวุฒิสภาได้มีการลงมติในสภาเพื่อนำร่างนโยบายภาษีเข้าสู่การอภิปรายอย่างเป็นทางการ โดยรีพับลิกันสามารถผลักดันร่างนโยบายให้ผ่านไปได้ด้วยคะแนนเสียง 52-48 เสียง

ทั้งนี้ ในการโหวตลงมติร่างนโยบายอย่างเป็นทางการที่อาจเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์นี้ พรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากอยู่ 52 ต่อ 48 เสียงจากพรรคเดโมแครต ดังนั้น เพื่อหาข้อสรุปอย่างเป็นทางการพรรครีพับลิกันจะไม่สามารถสูญเสียเสียงสนับสนุนได้เกิน 2 เสียง

• ผลสำรวจโดย Reuters/Ipsos แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันกว่า 49% “ไม่สนับสนุน” ร่างนโยบายภาษีของพรรครีพับลิกัน ปรับสูงจาก 41% ของผลสำรวจเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ชาวอเมริกันจำนวน 29% ให้การสนับสนุนร่างนโยบาย และอีก 22% ยังไม่แน่ใจ

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันที่ทำแบบสำรวจมากกว่าครึ่ง เชื่อว่ากลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากนโยบายภาษีดังกล่าว จะเป็นกลุ่มบุคคลที่มีรายได้สูงหรือบริษัทรายใหญ่ ขณะที่ชาวอเมริกัน 14%เชื่อว่าชาวอเมริกันทั้งหมดจะได้รับผลประโยชน์ อีก 6% เลือกกลุ่มชนชั้นกลาง และอีก 2% เลือกกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย

• นางนิกกิ ฮาเลย์ เอกอัคราชฑูตแห่งสหรัฐฯ กล่าวตอบโต้การยิงทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อช่วงเช้าวานนี้ ว่าหากพวกเขาก่อสงครามกับสหรัฐฯ พวกเขาจะถูกทำลายจนย่อยยับ

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯมีตัวเลือกมากมายสำหรับการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงตัวเลือกทางการทหารด้วย แต่สหรัฐฯจะยังมุ่งเน้นไปที่การใช้วิธีทางการฑูตเพื่อยุติความขัดแย้ง

• ข้อมูลประมาณการณ์จีดีพีครั้งที่ 2 ประจำไตรมาสที่ 3 ขยายตัวได้ 3.3% เพราะได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในภาครัฐที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นตัวชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าประมาณการณ์ในครั้งแรก โดยเป็นการขยายตัวได้เร็วที่สุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2014 เพราะได้รับอานิสงส์จากค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ในกลุ่มธุรกิจที่ปรับตัวสูงขึ้นรวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของการสต็อกสินค้า ขณะที่ไตรมาสที่ 2 จีดีพีสหรัฐฯขยายตัวได้ 3.1%

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เฟดมองแรงกดดันเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯระหว่างเดือนต.ค. – พ.ย.นี้ ปรับตัวสูงขึ้น

• นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบันกล่าวต่อหน้าคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจของทางสภาคองเกรส ซึ่งถือเป็นกำหนดการกล่าวรายงานต่อหน้าคณะกรรมการครั้งสุดท้ายในบทบาทประธานเฟดของเธอ โดยระบุถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ และกล่าวยืนยันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก พร้อมย้ำถึงภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯที่ยังคงแข็งแกร่งและเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ 3% ในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่เฟดได้ประมาณการณ์ไว้ และนั่นจะเพียงพอต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

• นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดควรรักษาแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปในอีก 2-3 ปี ประกอบด้วยจำนวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 4 ครั้งตั้งแต่ตอนนี้ถึงสิ้นปี 2018 โดยมีระดับดอกเบี้ยเป้าหมายแถว 2.5% ขณะที่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดอยู่ที่ 1-1.25%

• นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า เฟดอาจรู้สึกดีต่อการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2.7% สำหรับระยะเวลา 5 ปี ซึ่งถือเป็นการสะท้อนถึงท่าทีดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษร่วงลง 2 จุดสู่ระดับ -12 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก.ค. ปี 2016 หรือถือได้ว่าเป็นระดับที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการลงมติ Brexit จากมุมมองที่ไม่สดใสของภาคธุรกิจที่อ่อนแอ และภาคครัวเรือนที่ทรงตัวจึงส่งผลลบต่อมุมมองเศรษฐกิจอังกฤษ

• มีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีแนวโน้มสูงที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากที่ใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินมาตลอด 5 ปี ขณะเศรษฐกิจเกาหลีใต้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจากความนิยมในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ ค่าเงินวอนของเกาหลีใต้ปรับแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี จากกระแสคาดการณ์ดังกล่าวเนื่องจากจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเขตเศรษฐกิจใหญ่แห่งหนึ่งของทวีปเอเชีย นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2014

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงท่ามกลางความผันผวนของกระแสคาดการณ์ความขัดแย้งของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เกี่ยวกับการขยายเวลาข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตที่จะเข้าสู่การประชุมโอเปก ณ กรุงเวียนนาในวันนี้

น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 50 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.8% ที่ระดับ 63.1 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 69 เซนต์ หรือคิดเป็น -1.2% ที่ระดับ 57.3 เหรียญ/บาร์เรล 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com