• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวหลังจากที่หุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนปรับลดภาษี ขณะที่ Bitcoin ทะยานขึ้นแตะ 10,000 เหรียญ และยังไม่มีทีท่าที่จะอ่อนตัวลง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 93.219 จุด หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 92.496 จุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
• ยอดขายปลีกประจำปีของญี่ปุ่นร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นสองตัวที่ส่งผลต่อห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารที่มียอดขายลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
โดยกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม ระบุว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 0.2% ซึ่งถูกกดดันจากยอดขายอาหารและเครื่องดื่มที่ลดลง 1.5% จากปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่ลดลงอย่างมากในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. แต่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเพียงชั่วคราวเนื่องจากปัจจัยนอก
ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นติดต่อกัน 7 ไตรมาส นับเป็นการขยายตัวที่ยาวนานที่สุดในรอบ 16 ปี ท่ามกลางความคาดหวังที่ว่าค่าจ้างจะปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ คาดว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่จะประกาศในวันศุกร์จะปรับตัวลดลง แต่อัตราการว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 23 ปีและรัฐบาลคาดหวังถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและการบริโภคที่เพิ่มขึ้น
• CoinDesk ระบุว่า ราคา bitcoin แตะระดับ 10,000 เหรียญเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาก หากย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยราคา bitcoin เริ่มต้นจาก 6 เซนต์และมีราคาที่น้อยกว่า 1,000 เหรียญในช่วงต้นปีนี้
เมื่อวานนี้ ราคา bitcoin ทรงตัวเหนือระดับ 9,800 เหรียญ ก่อนที่จะสามารถทะลุแนวต้านสำคัญ โดยทำจุดสูงสุดที่ 10,044.29 เหรียญ
• นายจอน คันลิฟฟ์ รองผู้ว่าธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า ค่าเงิน Bitcoin ที่ปรับขึ้นเหนือระดับ 10,000 เหรียญเมื่อคืนนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงในเศรษฐกิจโลก
• นายเจอโรม โพเวล ว่าที่ประธานเฟด กล่าวเน้นย้ำถึงความประสงค์ของเขาที่จะดำเนินการลดกฏระเบียบข้อบังคับในตลาดการเงิน เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น ขณะที่ปฏิเสธที่จะวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากนโยบายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ได้เรียกร้องให้ลดกฏระเบียบของการอพยพเข้าประเทศ เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงาน
ทั้งนี้ นายโพเวลประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯไว้ที่ 2% – 2.5% น้อยกว่าที่คณะบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯประเมินไว้ที่ 3%
• นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 2018 จะเติบโตได้ในระดับปานกลาง ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2018 ที่จะเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงในปี 208 เนื่องจากความไม่มมั่นคงทางการเมือง
ทั้งนี้ Morgan Stanley ประเมินระดับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 2018 ไว้ที่ 2.5% สูงกว่าคาดการณ์ในปี 2017 ที่ระดับ 2.3% เล็กน้อย ขณะที่คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนปี 2018 ไว้ที่ระดับ 6.5% น้อยกว่าคาดการณ์สำหรับปี 2017 ที่ระดับ 6.8%
• ผู้นำพรรคเดโมแครตแห่งสภาคองเกรสไม่เข้าร่วมการประชุมร่วมกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องงบประมาณ และความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะ Shutdown รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า โดยที่ทั้ง 2 พรรคการเมืองสำคัญยังคงอยู่ห่างไกลจากเงื่อนไขของการตกลงร่วมกัน
• ธนาคารกลางเยอรมนีหรือ Bundesbank ระบุว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจเยอรมนีในช่วง 8 ปีมานี้ มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่นักลงทุนและภาคครัวเรือนจะเผชิญกับภาวะความเสี่ยงทางการเงิน จากความผันผวนของเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่อันตรายจากภาวะอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำและเงื่อนไขทางเศรษฐกิจของเยอรมนีอาจส่งผลให้นักลงทุนในตลาดประเมินความเสี่ยงทางการเงินต่ำเกินไป
• การประชุมโอเปกครั้งนี้ จัดขึ้นในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยมีกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม ปี 2018 แต่กลับมีสัญญาณว่ารัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการดังกล่าวของกลุ่มโอเปก อาจถอนตัวจากแผนการดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับร่วงลงมาจากแรงเทขายในตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ เป็นเพราะว่านายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากบรรดาบริษัทน้ำมันรายใหญ่ในรัสเซีย เนื่องจากความพอใจในผลประกอบการที่จะทำได้ในปี 2018 หากถูกบังคับให้ลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปนานขึ้น
• รายงานจาก Reuters ระบุว่า กลุ่มโอเปกและรัสเซียมีแนวโน้มที่จะตกลงขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปี 2018 และให้สัญญาณว่าอาจมีพิจารณาข้อตกลงใหม่อีกครั้งในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2018 หากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นมากเกินไป
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องโอเปกและรัสเซียเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันที่จะครอบคลุมถึงปี 2018 ประกอบกับรายงานที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯขยายตัวขึ้นเกินความคาดหมาย
โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับลงประมาณ 23 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.4% ทีระดับ 57.76 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 30 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.4% เช่นกัน ที่ระดับ 63.31 เหรียญ/บาร์เรล
เทรดเดอร์ระบุว่า น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลงจากรายงานของ API ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา แตะระดับ 457.3 ล้านบาร์เรล