• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560

    28 พฤศจิกายน 2560 | Economic News


• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยเหล่านักลงทุนกลับมาให้ความสำคัญกับแผนภาษีของสหรัฐฯและการยืนยันการเข้ารับตำแหน่งของนายเจอโรม โพเวลล์ ในฐานะประธานเฟดคนต่อไป โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 92.893 จุด หลังจากลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 9 สัปดาห์บริเวณ 92.496 จุด ทางด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ระดับ 1.1904 ดอลลาร์/ยูโร

นักลงทุนกลับมาวิตกกังวลต่อความเป็นไปได้ที่แผนภาษีอาจต้องถูกเลื่อนออกไปอีก แม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเข้าพบกับสมาชิกสภานิติบัญญัติด้านภาษีของวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันเพื่อปรับเนื้อหาให้สามารถผ่านสภาคองเกรสได้ ซึ่งคาดว่าจะมีการลงมติของวุฒิสภาในวันพฤหัสบดีนี้

• ในถ้อยแถลงที่นายเจอโรม โพเวล ว่าที่ประธานเฟด เตรียมไว้สำหรับการขึ้นรายงานตนต่อสภาคืนนี้ นายโพเวลจะกล่าวยืนยันคงการดำเนินนโยบายการเงินตามแบบฉบับของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า ตนจะเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะวิกฤติทางการเงินอย่างด้วย “ความเฉียบขาดและความเหมาะสมต่อสภาวะเศรษฐกิจที่สุด”

นอกจากนี้ นายเจอโรมยังให้สัญญาว่า จะทำทุกวิถีทางภายใต้อำนาจของตน เพื่อผลักดันให้ตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่เฟดได้วางเอาไว้ และจะดำเนินนโยบายด้วยความยืดหยุ่นเพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ พร้อมคาดการณ์ว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตอและปรับลดงบดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ดี นายเจอโรมมีแนวโน้มที่จะยกเลิกข้อบังคับทางการเงินในบางข้อ โดยคำนึงถึงความปลอดเป็นหลัก เพื่อให้ตลาดการเงินสามารถเข้าถึงและดำเนินงานได้ง่ายขึ้น

• เมื่อคืนนี้นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส แสดงจุดยืนของเขาต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าและอาจปรับขึ้นได้ต่อในปีหน้า เนื่องจากการรอคอยที่นานเกินไปต่อการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินอาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้

• ทางด้านเช้านี้ นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ระบุว่า เฟดมองเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ค่อนข้างดีจากการจ้างงานที่สมบูรณ์ พร้อมคาดว่าเงินเฟ้อจะรีบาวน์กลับได้ และเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ตามแนวโน้มเนื่องจากตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งและจะไปช่วยเพิ่มค่าแรง

• ขณะที่ นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส ยังคงไม่เห็นด้วยต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากมองว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ จึงยังไม่เห็นเหตุผลที่จะดำเนินการใดๆเพื่อยุติการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว อันจะส่งผลต่อภาวะการกู้ยืม การลงทุน และการจ้างงานได้

• ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบทศวรรษในเดือนต.ค. โดยขยายตัวขึ้น 6.2% สู่ระดับ 685,000 ยูนิต เมื่อเทียบกับข้อมูลในเดือนก่อนหน้าที่มีการปรับทบทวนลดลงสู่ระดับ 645,000 ยูนิตในเดือนก.ย.

• นักวิเคราะห์การเงินประจำสภาคองเกรส ยังคงยืนยันผลการวิจัยว่า นโยบายปฏิรูปภาษีของสมาชิกวุฒิสภารีพับลิกัน จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้และเพิ่มระดับหนี้อีก 1.4 ล้านล้านเหรียญ จากระดับหนี้ในปัจจุบันที่ระดับ 20 ล้านล้านเหรียญ ภายในระยะเวลา 10 ปี ขณะที่ประชาชนชาวสหรัฐฯที่มีรายได้น้อย อาจได้รับผลกระทบในทางลบ เนื่องจากร่างนโยบายภาษีของ ส.ว.รีพับลิกัน กำหนดให้ยกเลิกการบังคับประกันสุขภาพจากนโยบายโอบามาร์แคร์อีกด้วย

• เกิดวิกฤติทางการเมืองขึ้นในรัฐบาลประเทศไอร์แลนด์ หลังนางฟรันเซส ฟริสเจอรัล รองนายกรัฐมนตรี ถูกฟ้องร้องในข้อหาการทุจริตกับทางตำรวจ ซึ่งมีหลักฐานยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร โดยล่าสุดนางฟรันเซส ยังคงให้การปฏิเสธที่จะไม่ลาออกตามคำเรียกร้องจากหลายๆฝ่าย จึงอาจส่งผลต่อการเจรจา Brexit กับอังกฤษและสหภาพยุโรป ที่จะเกิดขึ้นในภายในวันที่14-15เดือนธันวาคมนี้

• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 2 เซนต์ ที่ระดับ 63.84 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 84 เซนต์ หรือคิดเป็น -1.4% ที่ระดับ 58.11 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบปิดลดลงกว่า 1% หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ท่ามกลางแนวโน้มของอุปทานที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการกลับมาเปิดทำการใหม่อีกครั้งของท่อส่งน้ำมันKeystone ประกอบกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของรัสเซียในการเข้าร่วมขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตก่อนเข้าสู่การประชุมโอเปกในสัปดาห์นี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากรัสเซียส่งสัญญาณทีจะเข้าร่วมการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตต่อแต่ไม่ให้กรอบเวลาที่ชัดเจน ขณะที่ล่าสุดมีสัญญาณว่าอาจหาวิธีเข้าร่วมได้ยากมากขึ้น

• แหล่งข่าวจากโอเปก ระบุว่า ตลาดน้ำมันน่าจะกลับมามีเสถียรภาพได้อีกครั้งหลังจากช่วงเดือนมิ.ย. ปีหน้า จึงเป็นการส่งสัญญาณว่าโอเปกจำเป็นที่จะต้องขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตยาวนานออกไปจนถึงปีหน้า

• นักวิเคราะห์จาก Barclays คาดการณ์ว่า โอเปกน่าจะขยายเวลาจำกัดการปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 6 หรือ 9 เดือน แต่ราคาก็อาจปรับตัวลงต่อได้หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวาระนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com