- เกาหลีเหนือถูกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มจากนานาประเทศ หลังสหรัฐฯเพิ่มชื่อเกาหลีเหนือกลับเข้าบัญชีผู้สนับสนุนการก่อการร้าย
- ความสัมพันธ์ จีน-เกาหลีเหนือ ดูมีท่าทีจะห่างเหินมากขึ้น หลังรัฐบาลจีนปรับปรุงนโยบายการฑูตที่เกี่ยวข้อง
-แม้เกาหลีเหนือจะเป็นประเทศที่ถูกมองว่าโดดเดี่ยว แต่ความจริงแล้วกลับมีการซื้อขายระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะกับรัสเซีย
รายงานจาก CNBC ระบุว่า แม้เกาหลีเหนือจะถูกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มขึ้นจากหลายๆประเทศทั่วโลก แต่เกาหลีเหนือก็ไม่สะทกสะท้านในการดำเนินธุรกิจค้าขายกับต่างชาติ
ตามข้อมูลที่รับบาลเกาหลีใต้เปิดเผย ถึงแม้สถานะความเป็นอยู่ของชาวเกาหลีเหนือจะถูกจำกัด แต่เศรษฐกิจเกาหลีเหนือสามารถเติบโตได้ถึง 3.9% ในปีที่ผ่านมา และยังเป็นอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งเป็นปีที่เกาหลีเหนือมีการค้าขายกับต่างประเทศอย่างน้อย 80 ประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ยังคงไม่เป็นที่ชัดเจนว่า เศรษฐกิจเกาหลีเหนือในปีนี้สามารถเติบโตได้แข็งแกร่งเพียงไหน ท่ามกลางแรงกดดันจากมาตรคว่ำบาตรจากนานาประเทศที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เพิ่มชื่อเกาหลีเหนือกลับเข้าบัญชีรายชื่อประเทศที่เป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้าย
ความสัมพันธ์กับจีน
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เกาหลีเหนือมักจะพึ่งพาจีน เพื่อลดแรงกดดันภายในประเทศที่ได้รับจากประเทศอื่นๆ แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าว เริ่มส่งสัญญาณที่จะเบาบางลงไป
การค้าขายระหว่างจีนและเกาหลีเหนือ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของการค้าทั้งหมดในเกาหลีเหนือ และยังมีข้อสงสัยว่าจีนเป็นผู้หนุนหลังการดำเนินนโยบายภายในเกาหลีเหนืออีกด้วย แต่นักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า รัฐบาลจีนเริ่มมีท่าทีที่จะให้ความร่วมมือกดดันเกาหลีเหนือกับนานาประเทศมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศในมหาวิทยาลัย Kookmin ในเกาหลีใต้ กล่าวว่า เริ่มมีสัญญาณการกลับตาลปัตรของมุมมองนโยบายทางการฑูตจากรัฐบาลจีนที่มีต่อเกาหลีเหนือ รวมถึงข้าราชการระดับหลายรายในจีน ก็เริ่มมีท่าทีที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการฑูตกับเกาหลีเหนือแล้ว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ส่งคณะฑูตพิเศษไปยังเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ. ปี 2016 แต่ยังไม่มีรายงานผลของการไปเยือนครั้งนี้แต่อย่างใด
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่เปิดเผยออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน แสดงให้เห็นว่า ยอดส่งออกน้ำมันจากจีนสู่เกาหลีเหนือปรับร่วงลงอย่างมากถึง 99.6% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดนำเข้าถ่านหินจากเกาหลีเหนือลดลงถึง 71.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
แนวโน้มการหันไปพึ่งรัสเซีย
มีรายงานออกมาว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้ส่งข้อความอวยพรเนื่องในวันปีใหม่ของเกาหลี ให้กับนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นคนแรก ก่อนที่จะส่งข้อความให้กับผู้นำประเทศคนอื่นๆ
รัสเซียและเกาหลีเหนือมีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียตซึ่งมีการค้าขายคิดเป็นครึ่งหนึ่งของเกาหลีเหนือในช่วงเวลาดังกล่าวมาเกือบ 30 ปี จนกระทั่งมาจบสิ้นลงในปี 1990
ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียเริ่มส่งสัญญาณที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือมากขึ้น โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา มีรายงานว่า บริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตหลายรายของรัสเซีย ได้เปิดใช้งานเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพิ่อเชื่อมต่อกับเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า มีการเปิดให้บริการเรือส่งสินค้าระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ ขณะที่รัฐบาลรัสเซียมีแผนที่จะก่อสร้างขยายทางรถไฟเพื่อเชื่อมต่อรัสเซียเข้ากับเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ นักวิชาการได้วิเคราะห์ไว้ว่า การที่รัสเซียต้องการสนับสนุนเกาหลีเหนือ มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการสร้างภาพพจน์ให้กับประเทศรัสเซียในฐานะประเทศมหาอำนาจที่เปิดกว้างต่อการค้าระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดี นักวิจัยจากสถาบันศึกษานโยบายต่างประเทศที่ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองกับเกาหลีเหนือมาโดยตลอด ได้ส่งอีเมล์มายังสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า “เป็นเรื่องที่ยากลำบาก หากจะวิเคราะห์การค้าขายระหว่างประเทศของเกาหลีเหนือ และมีแนวโน้มสูงที่การค้าของเกาหลีเหนือจะลึกลับและยิ่งใหญ่กว่าเราทราบในปัจจุบันอีกมากมาย ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือขยายตัวต่อได้ในอนาคตอันใกล้นี้”
ขาใหญ่ในการค้าอาวุธ แรงงานทาส และรูปปั้น
ตามรายงานที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการจะเห็นได้ว่า สินค้าที่เกาหลีเหนือมีการส่งออกมากที่สุดคือถ่านหินและสิ่งทอ แต่ความจริงแล้ว ธุรกิจของเกาหลีเหนือไม่ใช่สิ่งของเหล่านั้น แต่เป็นการค้าอาวุธและแรงงานมนุษย์
องค์การสหประชาชาติ ประเมินการส่งออกแรงงานมนุษย์จากเกาหลีเหนือสู่ต่างประเทศ โดยที่รายใหญ่จะเป็นจีนและรัสเซีย และยังมีแรงงานเกาหลีเหนือในประเทศอื่นๆอย่างมาเลเซีย กาต้าร์ เอธิโอเปีย และโปแลนด์ คิดเป็นแรงงานมากกว่า 50,000 คน ซึ่งมักจะถูกส่งไปใช้ในภาคการก่อสร้างและการป่าไม้
ซึ่งยอดการส่งออกแรงงานมนุษย์ของเกาหลีเหนือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 พันล้าน – 2.3 พันล้านเหรียญ เทียบกับยอดรวมการค้าทั้งหมดของเกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้วที่ระดับ 6.5 พันล้านเหรียญ
ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เปิดเผยตัวเลขการค้าอาวุธของเกาหลีเหนือ ออกมาที่ระดับ 3 ร้อยล้านเหรียญในปี 2015 ซึ่งมักจะถูกส่งไปยังประเทศซีเรีย อียิปต์ เยเมน และคิวบา
องค์กรสหประชาชาติรายงานว่า เกาหลีเหนือได้มีการค้าขายอาวุธและสินค้าอย่างลับๆกับประเทศในทวีปแอฟริกาใต้อีกหลายประเทศ ซึ่งประเมินมูลค่าได้มากกว่า 1 ร้อยล้านเหรียญต่อปี ซึ่งทางสหประชาชาติ ก็กำลังตรวจสอบประเทศที่ต้องสงสัยว่าได้ระเมิดข้อตกลงห้ามทำการซื้อขายอาวุธกับเกาหลีเหนือมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า บริษัท Mansudae Overseas Projects ซึ่งบริษัทสัญชาติเกาหลีเหนือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อสร้างรูปปั้นผู้นำการปฏิวัติในหลายๆประเทศในทวีปแอฟริกา