• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560

    22 พฤศจิกายน 2560 | Economic News


  

• ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่บริเวณ 93.941 จุด เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ไม่ปรับสูงขึ้น แม้จะมีการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นในตลาดการเงินของสหรัฐฯก็ตาม

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนปรับอ่อนค่าลงสู่ระดับ 112.280 เยน/ดอลลาร์ ลงต่อเนื่องจากระดับสูงสุด 112.705 เยน/ดอลลาร์

• ผู้เชี่ยวชาญจาก UBS คาด ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินยูโรจะมีผลประกอบการน่าผิดหวังในปี 2018 แม้จะได้รับแรงหนุนจากจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก็ตาม

หากดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนจะให้ความสนใจตลาดสหรัฐฯมากขึ้น แต่นักวิเคราะห์คาดว่า ค่าเงินยูโรก็จะยังคงมีผลประกอบการที่เหนือกว่าค่าเงินดอลลาร์อยู่ดี ขณะที่ภายในปีนี้ ค่าเงินยูโรยืนเหนือดอลลาร์คิดเป็นมูลค่าถึง 11.5% ตลอดทั้งปี

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2018 มูลค่าของเงินยูโรจะยังเคลื่อนไหวในระดับต่ำ แต่จะได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซน ประกอบกับการที่ตลอดทั้งปีนี้ ค่าเงินยูโรสามารถครอบครองผลประกอบการที่เหนือว่าดอลลาร์ได้จากเศรษฐกิจยุโรปที่แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรปเพิ่งเริ่มที่จะลดขนาดการเข้าซื้อสินทรัพย์รายเดือนอีกด้วย

• นักวิเคราะห์การเมือง ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่ากระแสความไม่มั่นคงทางการเมืองเยอรมนีในปัจจุบัน กลับส่งผลให้นางอังเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มีคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้น แต่หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การเมือง จากสำนักงานจัดอันดับ Forza กล่าวว่า “เป็นเรื่องตรงกันข้ามกันเลย”

“เมื่อดูจากผลสำรวจ จะเห็นได้ว่าชาวเยอรมันเกือบครึ่งต้องการให้นางแมร์เคิลคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป และต้องการให้เธอเข้าร่วมหากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปอีกด้วย ทั้งนี้ ผมวิเคราะห์ได้ว่า นางแมร์เคิลได้สร้างภาพของเธอให้ดูเป็นผู้ที่สามารถบริหารความเสี่ยงทางการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมาตลอดทั้ง 3 วาระ”

• รัฐบาลสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรองกรค์สัญชาติจีนและเกาหลีเหนือทั้งหมด 13 องค์กร ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯให้เหตุผลว่า องค์กรเหล่านั้นมีส่วนร่วมในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือผ่านการแลกเปลี่ยนสินค้าประเภทถ่านหิน

• การเจรจาภายใต้สนธิสัญญา NAFTA ระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯ แคนาคา และเม็กซิโก ยังคงประสบความล้มเหลวเป็นรอบที่ 5 เนื่องจากไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ ขณะที่ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวประนามถึงความไร้ความคืบหน้าของการเจรจา ว่าอาจนำไปสู่ความล้มเหลวของโครงการได้

ทั้งนี้ ทั้ง 3 ประเทศได้ตกลงจะเจรจาในสนธิสัญญาดังกล่าวจนถึงเดือนมีนาคม ปี 2018 ขณะที่ทางสหรัฐฯยังคงยื่นเสนอให้กับทั้ง 2 ประเทศในทุกๆรอบของการเจรจา แต่ยังคงไม่ได้รับการยอมรับแต่อย่างใด ส่วนทางเม็กซิโกกำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงต้นปี 2018

• สำนักข่าว Reuters รายงานว่า นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เริ่มมีท่าทีไม่มั่นใจต่อการคาดการณ์ของเธอที่ว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯจะสามารถขยายตัวได้ถึงระดับเป้าหมายของเฟด นอกจากนี้ เธอก็ได้ยอมรับอัตราเงินเฟ้ออาจไม่ขยายตัวไปอีกหลายปี

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังปริมาณน้ำมันที่ส่งจากแคนาดามีปริมาณลดลงส่งผลให้ภาพรวมปริมาณน้ำมันที่สหรัฐฯครอบครองลดลงไป นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากกระแสคาดกการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตออกไป

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 1.5% ที่ระดับ 57.68 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 0.6% ที่ระดับ 62.97 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com