• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวขึ้นในคืนวันศุกร์ โดยมีจะเห็นภาวะชันตัวสูงขึ้นของ Yield curve ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์ลดสถานะบางส่วนลง และดีลเลอร์มีการลดการถือครองอัตราผลตอบแทนระยะยาวลงในการประมูลซื้อขายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดีลเลอร์มีการขายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของพวกเขาจำนวน 2.3 หมื่นล้านเหรียญ และ 1.5 หมื่่นล้านเหรียญ สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการชำระคืนรัฐบาลรายไตรมาสจำนวน 6.4 หมื่นล้านเหรียญ
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ภาวะ Curve Flatteners เป็นสิ่งที่บรรดาเหล่าเทรดเดอร์ชื่นชอบจะถือครองพันธบัตรระยะยาวมากกว่าการถือครองพันธบัตรระยะสั้น และมักจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวมีมูลค่าสูงขึ้น แต่แรงเทขายใน Junk Bond และตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นกำลังเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของมูลค่าสินทรัพย์ที่ส่วนใหญ่มีการขยายตัวสูงขึ้นมากเกินไปในปีนี้
เส้นโค้งของอัตราผลตอบแทนมีการเคลื่อนไหวไปพร้อมๆกับความมีเสถียรภาพบางส่วนใน Junk Bond ดังที่เกิดภาวะขัดแย้งกันเมือไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอการปรับลดภาษีของทางสหรัฐฯ โดยค่า Spreads ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวขยายตัวไปค่อนข้างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ครึ่งบริเวณ 2.405% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 2 ปี ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี บริเวณ 1.662%
• ผลสำรวจจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า Spread ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุระหว่าง 2 ปี และ 10 ปี มีความถ่างกัน 74 Basis point จาก 65.9 Basic point เมื่อวันพฤหัสบดี
• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยทำระดับสัปดาห์ที่ร่วงลงมากที่สุดในรอบเดือน ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ผิดหวังต่อการเผยแผนภาษีที่อาจเลื่อนออกไปจนถึงปี 2019 และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินสกุลอื่นๆปรับตัวขึ้น
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงประมาณ 0.8% ที่ระดับ 94.37 จุด โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงประมาณ 0.6% ซึ่งถือเป็นระดับการอ่อนตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสัปดาห์วันที่ 13 ต.ค.
• ทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีกำหนดจะลงมติมาตรการภาษีในสัปดาห์นี้ หลังจากที่คณะกรรมาธิการจัดหารายได้ของสภาผู้แนราษฎรสหรัฐฯมีการร่างภาษีและอนุมัติร่างกฎหมายฉบับล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งทางพรรคเดโมแครตก็ยังคงแสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วย
• สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดงบประมาณสำหรับภาครัฐบาลของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากนโยบายปฏิรูปภาษี อาจเป็นปัจจัยที่กดดันการดำเนินงานของทั้งบรรดา ส.ส.และส.ว. พรรครีพับลิกันในการผลักดันนโยบายดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้จริง
• รายงานจากเฟดสาขานิวยอร์กยังคงมุมมองการขยายตัวของจีดีพีสหรัฐฯในไตรมาสที่ 4/2017 ไว้ใกล้ระดับ 3.2% แม้ว่าจะขาดแคลนข้อมูลทางเศษรษฐกิจในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ Nowcast ล่าสุดของทางเฟดนิวยอร์ก มองว่าไตรมาสที่ 4 จีดีพีสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 3.15%
• ตัวแทนการเจรจา Brexit จากสหภาพยุโรป กล่าวภายหลังจากการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า อังกฤษจะต้องรีบชำระเงิน Exit Bill ภายในเดือนพฤสจิกายนนี้ ไม่เช่นนั้น การเจรจาก็จะยังคงยืดเยื้อออกไปอีก
ขณะที่นายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีกระทรวง Brexit แห่งอังกฤษ ระบุว่าอังกฤษจะเร่งเจรจากับทางสหภาพในหัวข้อด้านการเมือง เพื่อกระตุ้นการเจรจา Brexit ให้เดินหน้าต่อไปได้
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงในคืนวันศุกร์จากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆจะขยายเวลาการผลิตและปรับลดกำลังการผลิต จึงช่วยชดเชยกับจำนวนแท่นขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่มิ.ย. และบ่งชี้ว่าผลผลิตน้ำมันดิบนั้นมีการขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 41 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.6% ที่ระดับ 63.52 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 43 เซนต์ ที่ระดับ 56.74 เหรียญ/บาร์เรล
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวประนามนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ว่าได้กล่าวตำหนิตนเป็น “ไอ้แก่” พร้อมตอบโต้นายคิมว่าเป็น “ไอ้อ้วนเตี้ย” ผ่านทางทวิตเตอร์