MTS Help Center

เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปี ที่ระดับ 1.1900 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่เคลื่อนไหวผันผวนและยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ท่ามกลางโอกาสที่ลดลงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจากถ้อยแถลงเชิงผ่อนคลายนโยบายของบรรดาสมาชิกเฟด ขณะที่ปัญหาทางการเมืองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเกี่ยวกับการยกเลิกนโยบายโอบามาร์ แคร์และความตึงเครียดทางเกาหลีเหนือ ยังคงกดดันความน่าเชื่อถือทีมบริหารของนายทรัมป์ลง

เหล่าเทรดเดอร์ให้ความสนใจไปยังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันได้แก่ รายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันนี้ ซึ่งในเดือนก.ค.คาดว่าจะมีตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้นที่ระดับ 181,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เมื่อเดือนมิ.ย.ปรับสูงขึ้นที่ระดับ 222,000 ตำแหน่ง และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ต่อเดือนและ 2.4% เมื่อเทียบกับรายปี ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงคาดว่าจะลดลงที่ระดับ 4.3%

อย่างไรก็ดี หากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐออกมาผิดจากที่ตลาดคาด อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง ขณะที่อัตราค่าแรงหากยังคงชะลอตัวก็จะเป็นปัจจัยที่กดดันอัตราเงินเฟ้อต่อไป รวมทั้งอาจทำให้เฟดไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดหวังไว้ได้

ระดับที่น่าจับตาของค่าเงินดอลลาร์/ยูโร

จากภาพระดับรายสัปดาห์ทางเทคนิคค่าเงินยูโรสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย SMA 200 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2014 ขณะที่ตัวชี้วัดทางเทคนิคยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่าควบคู่กับมีสัญญาณ overbought ขณะที่ภาพรายวัน เส้นค่าเฉลี่ย RSI สามารถยืนเหนือ 75 โดยเครื่องชี้วัดส่วนใหญ่ในตอนนี้ยังคงส่งสัญญาณอยู่ใกล้กับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากเส้นค่าเฉลี่ยอยู่เหนือระดับปัจจุบัน จึงยังช่วยหนุนทิศทางแข็งค่าของค่าเงินยูโรได้

ขณะนี้ค่าเงินยูโรจะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1.1910 ดอลลาร์/ยูโร และมีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1.1950 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งหากผ่านแนวต้านถัดไปได้ก็จะสามารถปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 1.2000 ดอลลาร์/ยูโร แต่ตลาดก็จะเผชิญกับแรงเทขายทำกำไร และในทางกลับกันจะมีแนวรับที่ระดับ 1.1830 ดอลลาร์/ยูโร และมีแนวรับถัดไปที่ระดับ 1.1785 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งหากหลุดลงมาก็จะมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 1.1715 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมเมื่อเดือนส.ค.ปี 2015 และจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรกลับมาอยู่ในทิศทางอ่อนค่าอีกครั้ง

ที่มา: FXS