รัฐบาลยุโรปกำลังจับตามองความขัดแย้งกันระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย ท่ามกลางความกังวลว่านโยบายคว่ำบาตรรัสเซียฉบับใหม่ของสหรัฐฯอาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าพลังงานจากรัสเซีย
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯที่กำลังระอุอยู่ในปัจจุบันเกิดขึ้นจากการที่สหรัฐฯต้องการจะเพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซียภายใต้ข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียได้ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016 โดยนโยบายคว่ำบาตรฉบับใหม่นี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวโน้มสูงที่จะลงนามให้ผ่านได้ แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ก็ตาม
บรรดาสมาชิกบอร์ดของสหภาพยุโรปกำลังแบ่งแยกออกไปเป็น 2 ฝั่งเกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐฯ โดยบรรดาตัวแทนจากประเทศในยุโรปฝั่งตะวันออก ยินดีที่จะยุติการพึ่งพารัสเซียในด้านพลังงาน เนื่องจากในอดีตทีผ่านมา ประเทศเหล่านี้ถูกแรงกดดันด้านราคาน้ำมันจากรัสเซียที่ชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศมาโดยตลอด
แต่สำหรับประเทศเยอรมนี กลับมองว่าการคว่ำบาตรจะเป็นภัยต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ เนื่องจากมีโอกาสที่โครงการท่อส่งน้ำมันNord Stream 2 ที่จะใช้เส้นทางผ่านทะเลบอลติกส่งตรงมาที่เยอรมนี โดยที่จะไม่เข้าสู่ประเทศยุโรปฝั่งตะวันออก
ซึ่งกระทรวงพลังงานแห่งเยอมนีมองว่า หากโครงการท่อส่งน้ำมันดังกล่าว ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อการพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียและจะทำให้ราคาน้ำมันในประเทศพุ่งสูงขึ้นได้
ที่มา: Gulf News