สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจปี 2016 ขยายตัวเฉลี่ยเพียง 1.6% ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 หลังจากขยายตัว 2.6% ในปี 2015
• นายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านกิจการ Brexit ของประเทศอังกฤษ คาดการณ์ว่าอังกฤษไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายค่า “Exit Bill” จำนวน 5 หมื่นล้านปอนด์ เพื่อเป็นเงินชดเชยให้กับอียูแต่อย่างใด และยังระบุอีกว่า ยุคสมัยที่อังกฤษต้องจ่ายเงินให้กับอียูได้จบลงแล้ว
• รายงานจาก NAES หรือหน่วยงานของรัฐบาลจีน เผยว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ 6.8% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสแรก จากกิจกรรมภาคการผลิตและการลงทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคคาดจะขยายตัวขึ้น 1.4%
นอกจากนี้ NAES ยังประเมินว่าในช่วงครึ่งปีแรก เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ 6.7% จากปริมาณผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่ตอเนื่องในไตรมาสที่ 2 ของปี ขณะที่ภาคการลงทุนดูจะขยายตัวได้ช้าลง
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันในลิเบียที่ลดลง แม้ว่าปริมาณสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นจะยังคงกดดันราคาอยู่ก็ตาม
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 11 เซนต์ ที่ระดับ 52.53 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 17 เซนต์ ที่ระดับ 49.67 เหรียญ/บาร์เรล
• เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯส่งน้ำมันดิบออกนอกประเทศมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของปริมาณการส่งออกเฉลี่ยในปี 2016 ซึ่งนับเป็นครั้งที่สามในปีนี้ที่การส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯเกิน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 608,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 400,000 บาร์เรลต่อวันในปีที่ผ่านมา