• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 22 เมษายน 2564

    22 เมษายน 2564 | Economic News
   

· อีซีบียังไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงนโยบายเวลานี้?!

FXStreet ระบุว่า ภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดวันนี้ "จับตาประชุมอีซีบี" ที่ถูกคาดว่า *ไม่น่าจะมีการส่งสัญญาณใหม่ใดๆ* ในการประชุม


ภาพรวมจะเห็นได้ถึงสมดุลด้านความเสี่ยงที่ประเมินว่าอาจมีการปูทางไปสู่แนวทางการดำเนินนโยบายเข้าซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ PEPP ได้ ตลอดจนอาจมีการถอนการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนวงเงิน 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนได้ ในการประชุมเดือน "มิ.ย." มากกว่า ซึ่งเราจะทราบผลการประชุมอีซีบีในวันนี้เวลาประมาณ 19.30น. (ตามเวลาไทย)


สำหรับปัจจัยสำคัญอีกตัวในวันนี้คือการประกาศข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ (ในช่วงเวลาเดียวกัน) ประกอบกับต้องติดตามข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนเม.ย. ของทางยุโรปด้วย





· ดอลลาร์อ่อน - อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วง ยูโรรอ "อีซีบี


ดอลลาร์อ่อนค่าลงมาเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ขณะที่การลดภาวะขาขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันค่าเงินดอลลาร์


ค่าเงินยูโรให้ความสนใจในการประชุมอีซีบีคืนนี้ที่คาดว่า

- อาจเห็นมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจเชิงบวก

- กล่าวย้ำเรื่องการลดการเข้าซื้อพันธบัตร

ซึ่งโอกาสทั้งหมดนี้ มีลุ้นหนุน "ยูโร" ให้แข็งค่าขึ้นต่อได้

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อค่าเงินดอลลาร์ลดน้อยลง แม้เดือนที่แล้วจะปรับแข็งค่าขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยนักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า แนวโน้มระยะยาวของดอลลาร์ยังมีโอกาสแข็งแกร่ง จากเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง และโครงการฉีดวัคซีนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว

เงินเยนทรงตัวที่ 107.99 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 7 สัปดาห์

ยูโรทรงตัวที่ 1.243 ดอลลาร์/ยูโร ใกล้กับที่เคยแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 3 มี.ค.

ปอนด์แข็งค่ามาเล็กน้อยที่ 1.3939 ดอลลาร์/ปอนด์

หยวนแข็งค่าแตะ 6.4828 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 12 มี.ค.


อย่างไรก็ดี การซื้อขายในตลาดเริ่มผันผวนในช่วงเดือนนี้ เป็นผลจาก

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกลับตัว

- นักลงทุนรอดูการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ที่อาจมีนัยยะต่อการซื้อขายครั้งนี้


สำหรับประชุมอีีซีบี ส่วนใหญ่ยังคาดคงนโยบายในวันนี้ แต่นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่าน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการประชุมเดือนมิ.ย. มากกว่าว่าจะตัดสินใจลดการเข้าซื้อพันธบัตรหรือไม่


สมาชิกอีซีบีที่เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ มองโอกาสเป็นไปได้ต่อการลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ และค่าเงินยูโรอาจกลับมาแข็งค่าขึ้นได้อีกเมื่อเทียบดอลลาร์ จากโอกาสดังกล่าว


· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์วันนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะ 610,000 ราย




หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้า พบผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ทำต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มเผชิญการระบาดของไวรัสโคโรนา

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลง ก่อนหน้าการประกาศข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ

โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ลดลงที่ระดับ 1.552%

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 30 ปี ลดลงที่ระดับ 2.244%


· สหรัฐฯเพิ่มรายชื่ออีกกว่า 116 ประเทศเข้าสู่มาตรการ "ห้ามเดินทางระดับ 4" จากความเสี่ยงสูงของการระบาด Covid-19

โดยอีก 116 ประเทศล่าสุด มีการเพิ่มประเทศอังกฤษ, แคนาดา, ฝรั่งเศส, อิสราเอล, เม็กซิโก, เยอรมนี และประเทศอื่นๆ หลังจากที่วันจันทร์มีการเพิ่มรายชื่อประเทศเข้าสู่มาตรการดังกล่าวกว่า 80% ของประเทศทั่วโลก สรุปภาพรวมมีการเพิ่มรายชื่อประเทศเข้าแล้วทั้งสิ้น 150 ประเทศ


· สหประชาชาติกล่าวว่า รัฐบาลซีเรียได้รับการส่งมอบวัคซีนไวรัสโคโรนาเป็นครั้งแรกผ่านโครงการ COVAX โดยได้รับวัคซีนของ AstraZeneca จำนวนเกือบ 200,000 โดส


· อินเดียมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นกว่า 300,000 รายต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์


· นายอากิโอะ โตโยดะ ประธานสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งญี่ปุ่น กล่าวว่า งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ในปีนี้จะถูกยกเลิก เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง


· ฮ่องกงและสิงคโปร์ได้ชะลอการประกาศการเปิดตัวโครงการ Travel Bubble อีกครั้ง หรือการเดินทางข้ามประเทศโดยไม่ต้องกักตัว หลังจากที่รอคอยมานาน


· สิงคโปร์กำลังตรวจสอบความเป็นไปได้จากการระบาดของไวรัสโคโรนาในหอพักแรงงานต่างชาติซ้ำอีกครั้ง หลังพบแรงงานมีผลเป็นบวก


· เอกวาดอร์ประกาศเคอร์ฟิวส์ สกัด Covid-19 ระบาดหนัก ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล


· PAHO ชี้ เวลานี้ไม่มีที่ไหนไม่กังวลเกี่ยวกับ Covid-19 โดยเฉพาะในประเทศแอฟริกาใต้และบราซิลที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง


· อาร์เจนตินาเผชิญยอดเสียชีวิตเลวร้ายสุดในการระบาดเวลานี้ รวมสะสมทะลุ 60,000 รายแล้ว


· รายงานสถานการณ์โคโรนาไวรัสของไทยล่าสุด วันนี้ 22 เมษายน 2564 สถานการณ์ยิ่งทรุด โดยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พบหลักพันอย่างต่อเนื่อง

รายงานอัพเดทสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ประจำวัน 22 เมษายน 2564 หรือ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ ว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มถึง 7 ราย อีกทั้งยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1,470 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 48,113 ราย


· รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน เตือน ออสเตรเลียควร "หลีกเลี่ยง" การเพิ่มความตึงเครียดด้านความสำคัญให้ทวีความรุนแรงขึ้ หลังจากที่ออสเตรเลียจะทำการถอนข้อตกลงภายใต้โครงการ Belt and Road ของจีน


· เยอรมีนเตือน การแยกอียูออกจากจีนอาจเป็นทางเลือกที่ผิดพลาด เนื่องด้วยจีนเป็นทั้งคู่ค้า และคู่แข่ง ในระบบเศรษฐกิจต่างๆเวลานี้


· รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส เตือน รัสเซียอาจถูก "คว่ำบาตร" จากสหภาพยุโรป หาก "นาวัลนี" ผู้นำฝ่ายค้านที่ถูกคุมขัมเสียชีวิต

โดยการคว่ำบาตรดังกล่าวจะพุ่งเป้าไปที่ นายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อตอบโต้กรณีที่อดีตผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นปรปักษ์กับผู้นำรัสเซียเสียชีวิตลง


· เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ วานนี้ ยืนยันรายงานการเริ่มต้นเจรจากับอิหร่านยังห่างไกลที่จะตกลงกันได้ เนื่องจากยังมีความต่างอย่างมากและต้องกลับมาเจรจากันใหม่


· แหล่งข่าวเผย อิสราเอลทำสงครามทางอากาศในซีเรียต้านการรุกรานของอิหร่าน จุดฉนวนความตึงเครียดรุนแรงขึ้น


· U.N. เผย สถานการณ์พม่าเลวร้าย ประชาชนนับล้านเผชิญกับการขาดแคลนอาหารจากวิกฤตที่ย่ำแย่ลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ พม่ากำลังเผชิญกับปัญหาเชิงลึกนับตั้งแต่ที่ทหารก่อการปฏิวัติในประเทศ และทำให้เกิดวิกฤตทางการเงินเชิงลึกของประเทศ ส่งผลให้ประชาชนนับ 3.4 ล้านคนในประเทศถูกคาดว่าจะขาดแคลนอาหารในอีก 3-6 เดือนนี้ เลวร้ายสุดอาจกระทบให้เกิดการตกงาน โดยเฉพาะในภาคการผลิต, ภาคการก่อสร้าง, ภาคบริการ และราคาอาหารที่กำลังจะเพิ่มสูงขึ้นในประเทศ ส่วนคนที่ยากจนหรือยากจนมากๆ ก็จะขาดกำลังในการเข้าซื้ออาหารประทังชีพ


· ราคาน้ำมันปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้นและความกังวลไวรัสโคโรนา

ราคาน้ำมันปรับลดลงเป็นวันที่ 3 เนื่องจากการเพิ่มของสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯและการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง ในอินเดียและญี่ปุ่นทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้เชื้อเพลิงอาจหยุดชะงักลง


สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.3% ที่ระดับ 65.14 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เมื่อวานลดลงไป 1.25 เหรียญ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.3% ที่ระดับ 61.18 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลดลงไป 1.32 เหรียญ ในวานนี้


โดยที่เมื่อวานนี้น้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดลดลงไปมากกว่า 2% ปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.โดยลดลงประมาณ 3% ในสัปดาห์นี้


ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานกล่าวว่า น้ำมันคงเหลือที่เพิ่มขึ้น 594,000 บาร์เรล เมื่อเทียบกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในการสำรวจของ Reuters ที่คาดว่าจะปรับลดลง 3 ล้านบาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com