• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 16 เมษายน 2564

    16 เมษายน 2564 | SET News


·         BofA ระบุว่า นักลงทุนมีการเพิ่มกระแสเงินสดเข้าสู่ตลาดหุ้น-กองทนหุ้นมูลค่าสูงกว่า 2.56 หมื่นล้านเหรียญ และเข้าสู่กองทุนพันธบัตร 1.79 หมื่นล้านเหรียญ ถือเป็นการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนครั้งใหญ่สุดในรอบ 10 สัปดาห์

ขณะที่เม็ดเงินไหลออกโดยรวมมีประมาณ 4.73 หมื่นล้านเหรียญจากกองทุนเงินสด ที่เป็นการไหลออกที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 4 เดือน

อย่างไรก็ดี กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดขึ้นในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาราวๆ 6.02 แสนล้านเหรียญ สูงกว่าช่วง 12 ปีก่อนที่อยู่ที่ 4.52 แสนล้านเหรียญ

นอกจากนี้ BofA ยังระบุว่า ความแข็งแกร่งของเม็ดเงินตลาดลงทุน ได้แก่ พันธบัตร และตลาดหุ้นเกิดใหม่ ทางด้านหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็มีกระแสเงินสดไหลเข้าลงทุนเพิ่มประมาณ 1.6 หมื่นล้านเหรียญ

 

·         หุ้นอนุพันธ์สหรัฐฯค่อนข้างทรงตัวหลังดาวโจนส์ปิดเหนือ 34,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้

 

·         ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นใกล้ระดับสูงสุดประวัติการณ์ จากข้อมูลเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ หนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก

ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ในวันนี้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจและสหรัฐฯยังคงทยอยออกมาอย่างแข็งแกร่ง หนุนกระแสคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้จากที่ดิ่งลงจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดญี่ปุ่นปรับขึ้น +0.25%

ดัชนี MSCI ที่รวมตลาดหุ้นทั่วโลกปิด +0.05% ในช่วงปลายตลาด ต่ำกว่าระดับสูงสุดประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวานนี้

ตลาดต่างๆในเอเชียค่อนข้างทรงตัวหลังจากที่ทราบข้อมูลจีดีพีจีนที่โตได้ 18.3% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่น้อยกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ในขณะที่ยอดค้าปลีกจีนเดือนมี.ค. ปรับขึ้นแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ก็ยังดูจะจุดประกายความหวังเห็นเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ปานกลางต่อในช่วงปลายปีนี้ แม้ว่ารัฐบาลจีนจะกลับมาให้ความสนใจกับ "การควบคุมความเสี่ยง" อันเป็นหนึ่งจากภาวะเศรษฐกิจที่ร้อนแรง

ดัชนี Shanghai Composite ปิด +0.46%

ดัชนี HSI ของฮ่องกงค่อนข้างเคลื่อนไหวทรงตัว

ดัชนี S&P/ASX200 ปรับตัวลดลงราว 0.1%

ดัชนี Nifty 50 ปิด +0.53% แม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 ในประเทศจะค่อนข้างเลวร้าย และมีผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 200,000 ราย

 

·         หุ้นญี่ปุ่นปิดบวกจากหุ้นกลุ่ม "ชิป" ปรับขึ้น ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการบริษัทที่น่าเป็นกังวล จำกัดการปรับขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดแดนบวก ท่ามกลางหุ้นบริษัทชิปที่มีการปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี Nikkei ปิด +0.14% ที่ 29,683.37 จุด  ขณะที่ดัชนี Topix ปิด +0.09% ที่ 1,960.87 จุด

 

·         หุ้นเกาหลีใต้ปิดบวกต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ จากมุมมองการฟื้นตัวเชิงบวกทางเศรษฐกิจ

หุ้นเกาหลีใต้รีบาวน์ขึ้นได้ที่ปรับตัวลดลงในช่วงต้นตลาดตอนเช้า และอาจทำให้ปิดสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 4 ที่สามารถขึ้นได้ต่อเนื่องโดยได้รับอานิสงส์จาก

- ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ-จีน

- ค่าเงินวอนแข็งค่า

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเกาหลใต้ปรับขึ้น

ดัชนี Kospi ปิด +4.29 จุด หรือ +0.13% ที่ 3,198.62 จุด สำหรับสัปดาห์นี้น่าจะปรับขึ้นได้ราว 2.13% ทำให้เป็นการเคลื่อนไหวแดนบวกต่อเนื่อง 4 สัปดาห์

 

·         ตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวก – ความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลกต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก


หุ้นยุโรปปรับขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ปิดใกล้ระดับสูงสุดประวัติการณ์ โดยได้รับอานิสงส์จากการเคลื่อนไหวเชิงบวกของตลาดหุ้นทั่วโลก และแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx600  เปิด +0.3% ในช่วงต้นตลาดวันนี้

หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าภาคครัวเรือน -0.4%

ตลาดหุ้นยุโรปขานรับทิศทางบวกต่อจากตลาดหุ้นเอเชีย โดยนักลงทุนตอบรับข้อมูลจีดีพีจีนที่ออกมาขยายตัวในไตรมาสแรก

อย่างไรก็ดี นักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปกำลังจับตาการประกาศข้อมูลจีดีพียูโรโซนขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค. ประมาณ 16.00น.  รวมทั้งข้อมูลยอดดุลการค้ายุโรปในช่วงเวลาเดียวกัน

 

·         ดัชนี FTSE100 ขึ้นเหนือ 7,000 จุดครั้งแรก นับตั้งแต่เผชิญการระบาดของไวรัส


ดัชนี FTSE100 ของอังกฤษปรับขึ้นทะลุเหนือ 7,000 จุดครั้งแรกในวันนี้ นับตั้งแต่ที่เผชิญวิกฤต Covid-19 ที่ฉุดตลาดการเงินดิ่งลงแรงปีที่แล้ว ท่ามกลางปัจจัยบวก

- ความรวดเร็วของโครงการฉีดวัคซีน

- การใช้นโยบายสนับสนุนของรัฐบาล

- การกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจ

ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่มาหนุน "ความเชื่อมั่น" ของกลุ่มนักลงทุน

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE100 เปิดปรับขึ้น 0.3% แถว 7,005.68 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร, พลังงาน และหุ้นเหมือง ที่ได้รับอานิงส์จากกรอบการเติบโตทางเศรษฐกิจอังกฤษที่อาจเพิ่มขึ้นระหว่าง 0.3% และ 1.1%

 

·         เงินบาทแข็งค่า คาดตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ – ดอลลาร์อ่อนค่า


นักบริหารการเงินมองว่าเงินบาทอาจแกว่งในกรอบ 31.10 - 31.30 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยสำคัญ

- ตลาดการเงิน และนักลงทุน เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On)

- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน แข็งแกร่งในเชิงบวก สะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวหนุนเศรษฐกิจโลก

- รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่างๆทั่วโลก

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี อ่อนตัวลง สวนทางภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

- ความหวังมาตรการ Lockdown ในยุโรป อาจช่วยชะลอการระบาดของ Covid-19

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทคาดว่า เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในไทย อาจทำให้ เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงของไทยมากขึ้นจากนักลงทุนต่างชาติ ทำให้เงินบาทไม่แข็งค่าไปมาก หรือ อาจพลิกกลับมาอ่อนค่า

อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นๆ โอกาสจะเห็นเงินบาทยังมีอยู่ และอาจกลับไปใกล้ 31.30 - 31.40 บาท/ดอลลาร์ได้ ท่ามกลางแรงซื้อค่าเงินต่างชาติในการจ่ายปันผลที่จะเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้นหลังวันหยุดเทศกาลสงกรานต์



·         อ้างอิงจาผู้จัดการออนไลน์

- จีนปิดยาว-ลาวปิดพรมแดนสกัดโควิด ค้าชายแดนไทยผ่านน้ำโขงดิ่งเหว 80%​ ​ขณะนี้คงเหลือการค้าทางเรือจากท่าเรือของไทยไปยังท่าเรือของเมียนมาเพียงไม่กี่แห่ง


·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ดัชนี SET ต้นภาคเช้าร่วงกว่า 10 จุด กังวลสถานการณ์โควิดในประเทศ

ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าพลิกร่วงกว่า 10 จุด แม้ว่าจะเปิดทำการมาบวกขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ไหลลงมาในแดนลบจากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศระลอกใหม่ที่พบผู้ติดเชื้อทวีจำนวนมากกว่า 1 พันราย/วัน ซึ่งในวันนี้รัฐบาลจะกำหนดมาตรการคุมเข้มออกมาหลังจากเทศกาลสงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้ว

เมื่อเวลา 10.08 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,530.71 จุด ลดลง 10.41 จุด (-0.68%)

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.20 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,538.75 จุด ลดลง 2.37 จุด (-0.15%)


- PTTEP บวก 4.04% เล็งกำไร Q1/64 โตแข็งแกร่งจากปริมาณ-ราคาขายเพิ่มขึ้น

หุ้น PTTEP ราคาวิ่งขึ้น 4.04% มาอยู่ที่ 116 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,408.11 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.03 น. โดยเปิดตลาดที่ 114.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 117 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 114.50 บาท

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)ราคาเป้าหมาย 130 บาท คาดราคาหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นจากทิศทางกำไรที่ดี และราคาน้ำมันที่คาดจะยังได้รับแรงหนุนต่อเนื่อง ราคาหุ้นมีมีทิศทางปรับตัวตามราคาน้ำมันที่ correlation ระดับ 90%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com