• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2564

    8 มีนาคม 2564 | Gold News



ทองคำทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุด 9 เดือน จาก “อัตราผลตอบแทน-ดอลลาร์ขึ้นต่อเนื่อง”

ในคืนวันศุกร์ราคาทองคำตลาดโลกปิดปรับตัวลงทำต่ำสุดรอบ 9 เดือน โดยได้รับแรงกดดันจาก
- ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯออกมาดีขึ้นกว่าคาด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตร-ดอลลาร์ ได้รับอานิสงส์จากข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวก
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับขึ้นเหนือ 1.5
ทำสูงสุด 1.5830%
- ดอลลาร์แข็งค่า ทรงตัวเหนือ 91.66 จุด
SPDR ขายทองคำต่อเนื่อง
- นักลงทุนผิดหวังที่ประธานเฟดในสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้มีท่าทีดำเนินการใดๆต่อ “การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร”  แม้ว่าจะยังมีแนวทางการคงดอกเบี้ยนโยบายตามเดิมก็ตาม
- ความต้องการทองคำลดลง
- หุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกจากความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวได้รวดเร็ว

·         ทองคำตลาดโลกปิดสัปดาห์ร่วงลงเกือบ 2นับเป็นการปรับลงต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติด

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบริเวณ 1,699.30 เหรียญ หลังทำต่ำสุดตั้งแต่ 8 มิ.ย. บริเวณ 1,686.40 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด -0.1% ที่ 1,698.50 เหรียญ

 


·         กองทุน SPDR ทำการขายออกทองคำเพิ่มอีก 9.04 ตันในคืนวันศุกร์ ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,069.26 ตัน ถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 1 พ.ค. ปี 2020

 

ตลอดเดือนมี.ค. ขายออก 24.27 ตัน เป็นการขายทองต่อเนื่องเดือนที่ 6  ส่งผลให้ภาพรวม 6 เดือนติดต่อกันขายต่อเนื่อง 199.63 ตัน

 

ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี – ปัจจุบันกองทุน SPDR ขายออกแล้ว 101.48 ตัน

 

·         กรรมการผู้จัดการจาก High Ridge Futures กล่าวว่า มุมมองเชิงบวกในเวลานี้เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร เป็นปัจจัยที่กดดันการเคลื่อนไหวของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมไปถึง “ทองคำ”

 

·         ภาพรวมทองคำยังมีปัจจัยบวกต่อตลาด
- วุฒิสภาสหรัฐฯผ่านร่างกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา

 

 

·         ราคาซิลเวอร์ ปิด -0.4ที่ระดับ 25.22 เหรียญ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลงกว่า 5% ซึ่งถือเป็นสัปดาห์ที่ปรับลงมากสุดตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ย.


·         ราคาพลาเดียมปิด +0.3% ที่ระดับ 2,346.19 เหรียญ


·         ราคาแพลทินัมปิด +0.1ที่ระดับ 1,127.16 เหรียญ

 

·         วุฒิสภาสหรัฐฯผ่านร่างเยียวยา Covid-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ สภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดโหวตขั้นสุดท้ายวันอังคารนี้



·         ไบเดน ย้ำ ประชาชนทุกคนจะได้รับ “เช็คช่วยเหลือ” เร็วที่สุดในเดือนนี้ หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในกระบวนการสุดท้าย

 

·         “ชัค ชูมเมอร์ส” ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า อาจมีการพิจารณา “การเยียวยา Covid-19” เพิ่มเติม โดยประเมินจากผลกระทบของไวรัสว่าจะมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้ายาวนานอย่างไร หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯผ่านมติแพ็คเกจ 1.9 ล้านล้านเหรียญ

 

·         “ไบเดน”  เรียกร้องคองเกรส “ฟื้นฟู” ร่างกฎหมายสำหรับผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง (Voting Rights Act) ในการลงนามเพื่อช่วยให้ชาวสหรัฐฯมีสิทธิลงคะแนนเสียง รวมถึงการขยายการบริการและการลงทะเบียนข้อมูลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วย

 

·         จ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯโตได้ในเดือนก.พ. จากสัญญาณการ Reopening

ข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯปรับขึ้นสูงเกินคาดที่379,000 ตำแหน่งเดือนก.พ. จากภาคการโรงแรมแบะท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ หลังธุรกิจกลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบจากภาวะ Shutdown นานนับปี

ขณะที่การกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจบางส่วน ทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายรายไม่ค่อยแปลกใจหากจะเห็นจ้างงานกลับมาโตได้ไม่น้อยกว่า 500,000 ตำแหน่ง



ข้อมูลอัตราคนว่างงานเดือนก.พ. ซึ่งเป็นรายงานแรกภายใต้การบริหารของนายไบเดนเช่นกัน พบว่า อัตราว่างงานลดลงแตะ 6.2จากระดับ 6.3% ในเดือนม.ค.



·         สถานกาณ์ไวรัสโคโรนา:
68 ประเทศทั่วโลกยังคงมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง



ณ ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 118 ล้านราย แต่รายงานการติดเชื้อรายวันมีการปรับตัวลดลงมา โดยล่าสุดติดเชื้อรายวัน 362,146 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมล่าสุด 117.43 ล้านราย  และมีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 2.60 ล้านราย  ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อรายวันลดลงมาที่ 5,521 รายล่าสุด

ภาพรวมทั่วโลกมียอดติดเชื้อรายวันลดลงสู่ระดับหลักหมื่นจากโครงการฉีดวัคซีน นำโดยสหรัฐฯที่มียอดติดเชื้อรายวันลดลงมาที่ 39,586 ราย ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 29.69 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตรายวันลดลงมาที่ 704 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 537,826 ราย

 


รายงานจาก Reuters ระบุว่า ยอดติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯปรับตัวลงมากถึง 25ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนม.ค. และสัปดาห์ก่อนหน้าลดลงมา 21%

 

ทางด้านอินเดียพบผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุด 11.22 ล้านราย ตามมาด้วยบราซิลที่มียอดติดเชื้อสะสมทะลุ 11 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย  สำหรับทางฝั่งรัสเซีย ยอดติดเชื้อสะสม 4.32 ล้านราย และอังกฤษที่มียอดติดเชื้อสะสะมพุ่งขึ้นถึง 4.21 ล้านราย

 

·         สถานการณ์การระบาดในไทย

วันศุกร์ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 79 ราย

ขณะที่วันเสาร์ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 64 ราย

และเมื่อวานนี้ล่าสุดศบค. รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 65 ราย ยอดรวมผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 26,370 ราย ไม่พบรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มรวมเสียชีวิตสะสม 85 ราย

โดยภาพรวม วันที่ผ่าน มียอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้น  208 ราย

 


·         รายงานจากไทยรัฐล่าสุดระบุว่า กรมควบคุมโรคเปิดข้อมูลหลังกระจายวัคซีน ซิโนแวค” ไป 13 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังหลังฉีด 30 นาทีแล้วให้ติดตามต่ออีก 30 วัน รวมฉีดไปแล้วกว่า 2.5 หมื่นคน มีอาการไม่พึงประสงค์ 828 คน

 

ขณะเดียวกันก็ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศต่อเนื่อง

หมอยง” ระบุหากจะให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ไทยต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 50 ล้านคน ใช้วัคซีนร่วม 100 ล้านโดสต้องจัดหาเพิ่มอีก

บริษัทยาสหรัฐฯเปิดผลวิจัยยารักษาโรค Covid-19 โมลนูพิราเวียร์” ได้ผลดี รอผลระยะสองเดือน พ.ค.นี้

 

·         สถานการณ์การฉีดวัคซีนทั่วโลกล่าสุดพบ 114 ประเทศทั่วโลกที่เริ่มโครงการฉีดวัคซีน โดยมีจำนวนโดสเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 300.116 ล้านโดส ณ ปัจจุบัน



สำหรับเมืองหลวงแรกของโลกที่ได้รับการฉีดวัคซีนในอังกฤษ (Gibraltar)  พบว่ามีการฉีดวัคซีนไปได้อย่างเพียงพอและมีประชาชนฉีดวัคซีนแล้วกว่า 63%  (ประเมินจากประชาชนที่ต้องรับวัคซีน 2 โดส)

 

·         เจ้าหน้าที่จากอียูเรียกร้องให้มีความระมัดระวังการใช้วัคซีน Covid-19 ของทาง Sputnik V เนื่องจากหน่วยงาน EMA ของยุโรปยังจำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพเพิ่มเติม


·         สมาคมการเดินทางด้วยสายการบินนานาชาติ (IATA) เผย วัคซีนพาสปอร์ต” มิติใหม่แห่งการเดินทางที่จะช่วยให้คุณเดินทางไปต่างประเทศได้ปีนี้ แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทายอยู่

 

·         ยอดส่งออกจีนเดือนก.พ. ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากดิ่งลงแรงในปี 2020 จาก Covid-19

ข้อมูลยอดส่งออกจีนในเดือนก.พ.ล่าสุด พุ่งขึ้นกว่า 154.9% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 17.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ ต.ค. ปี 2018

ข้อมูลส่งออกช่วง ม.ค.-ก.พ. ปีนี้ ปรับขึ้นมาที่ 60.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ 38.9%

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ยืนยันหนักแน่น และเรียกร้องการ “การยุติการแทรกแซง” ระหว่างสหรัฐฯ-จีน

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯจะปกป้องกองทัพและผลประโยชน์ หลังเกิดเหตุโจมตีด้วยจรวดบริเวณฐานที่มั่นสหรัฐฯในอิรัก

 

·         เกาหลีใต้ – สหรัฐฯ ปรับลดจำนวนการซ้อมรบ จากสถานการณ์ Covid-19 ประกอบกับการมุ่งเน้นสนับสนุนทางการทูตเกี่ยวกับโปรแกรมนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้มีการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมแก่กองกำลังสหรัฐฯ ภายใต้แผนงบประมาณฉบับใหม่

 

·         นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ที่ 30.20-30.60 บาท/ดอลลาร์

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือนที่ 30.51 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาททยอยอ่อนค่าลงสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ซึ่งได้อานิสงส์หลักๆ หลังประธานเฟดไม่ส่งสัญญาณว่าจะมีเครื่องมือเพิ่มเติมในการชะลอการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ นอกจากนี้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ยังมีแรงหนุนจากความหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด

สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตาม
- ทิศทางตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ
- รายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- สถานการณ์
 Covid-19
ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้
- อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภค
- ดัชนีราคาผู้ผลิต
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- ข้อมูลเบื้องต้นของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

-นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มเติม ในลักษณะร่วมกันจ่ายกับ SME (Co-payment) มีสัดส่วนตั้งแต่ 50-80% สำหรับค่าใช้จ่ายในการขอทดสอบผลิตภัณฑ์ จดทะเบียนหรือขอใบรับรองมาตรฐานต่างๆ และการปรึกษาทางธุรกิจ

-"ไทย-จีน ผนึกกำลังพัฒนาเกษตรอัจฉริยะและอีคอมเมิร์ซ เพิ่มศักยภาพเกษตรกร"

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำชับทุกหน่วยงานเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศ ที่ปรับปรุงใหม่ 6 ประเด็น จากแผนการปฏิรูป 13 ด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าแผนปฏิรูปประเทศจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน

ทั้งนี้ ล่าสุดเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) กำหนด 6 ประเด็น ปรับปรุง ได้แก่

(1) การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดในระดับแผนให้ชัดเจน สามารถวัดผลการดำเนินการได้

(2) การปรับตัดกิจกรรมที่เข้าข่ายเป็นภารกิจปกติของหน่วยงานและคัดเลือกเฉพาะกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock)

(3) การทบทวนกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ โดยคัดเลือกเฉพาะกฎหมายที่มีความสำคัญ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของการเสนอกฎหมาย

(4) การทบทวนข้อเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามแผนการปฏิรูปประเทศ

(5) พิจารณาความเห็นของหน่วยงานรับผิดชอบตามแผนการปฏิรูปประเทศ

(6) ปรับเค้าโครงของแผนการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านให้เป็นรูปแบบเดียวกัน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com