• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2564

    3 มีนาคม 2564 | Gold News



ทองคำรีบาวน์ จากดอลลาร์-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลง

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 8 เดือนที่ทำไว้แถว 1,706.7 เหรียญโดยประมาณ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 15 มิ.ย. ปีที่แล้ว โดยทองคำได้รับปัจจัยบวกจาก

1) ดอลลาร์อ่อนค่าหลุด 91 จุด ปิดตลาด -0.31% ที่ระดับ 90.731 จุด (วานนี้ทำแข็งค่ามากสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 91.396 จุด)

2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอ่อนตัว

3) การทำ Short Covering

4) กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่ม

·         กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่มครั้งแรกในช่วงเกือบ 1 เดือน โดยเมื่อวานนี้ซื้อ 2.62 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำ 1,087.12 ตัน

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.8ที่ระดับ 1,736.46 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด +0.6ที่ระดับ 1,733.60 เหรียญ

 

 

·         เทรดเดอร์การลงทุนประจำธนาคาร BMO กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้จากการปรับตัวลงของค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จึงเห็นได้ว่าเมื่อราคาทองคำฟื้นตัวได้ 30 เหรียญจากที่ทำต่ำสุดในตลาดเอเชีย บ่งชี้ว่าสภาวะการรอเข้าซื้อเมื่อช่วงราคาทองถูก กับภาวะ Short  Covering เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนตลาด และทำให้ตลาดกลับมาปิดเหนือ 1,725 เหรียญได้อีกครั้ง

 

·         นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ทองคำระยะสั้นๆมีสัญญาณกลับมาเป็นขาขึ้นได้บ้าง

 

 

·         ตลาดยังคงให้ความสำคัญกับร่างกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯในวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ ที่ทางวุฒิสภาสหรัฐฯกำลังหารือกันต่อในสัปดาห์นี้

 

·         ซิลเวอร์ปิด +1.4% ที่ 26.84 เหรียญ หลังช่วงต้นตลาดทำต่ำสุดรอบกว่า 1 เดือน

 

·         พลาเดียมปิด +0.8ที่ระดับ 2,369.26 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด +2.1ที่ 1,209.58 เหรียญ

 

 

·         รายงานจาก CNBC After Hours ระบุว่า บรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์กลุ่ม Crypto มีการกลับเข้าถือ Bitcoin เพิ่มอีกครั้งในเวลานี้


 

·         ว่าที่ประธานกำกับดูแลตลาด (SEC) ในทีมบริหารของนายไบเดน ส่งสัญญาณจะเพิ่มข้อกำหนดสำหรับ Cryptocurrency มากขึ้น

 

·         สมาชิกเฟด “ตอกย้ำ” การอดทนรอในการดำเนินนโยบาย จากแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นางลาเอล เบรนาร์ด สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า สมาชิกเฟดกำลังเผชิญกัความเป็นไปได้ที่จะเห็นเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวตามสภาวะการฉีดวัคซีนและการสนับสนุนค่าใช้จ่ายของภาครัฐบาล แต่เฟดก็มีแนวโน้มจะยังคงการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และหวังจะเห็นคนว่างงานในเวลานี้กลับมามีงานทำ

ขณะที่การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเมื่อไม่นานมานี้ สะทอ้นถึงนักลงทุนที่คาดหวังจะเห็นเฟดกลับมาใช้นโยบายคุมเข้มเร็วกว่าที่คาด

 

·         เดโมแครตตั้งเป้าส่งร่างกระตุ้นเศรษฐกิจ Covid-19 ให้แก่นายไบเดนภายในช่วงสิ้นสัปดาห์หน้า

พรรคเดโมแครตมีความตั้งใจจะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญให้ได้ไม่กเนสัปดาห์หน้า เพื่อส่งต่อให้นายไบเดนได้ทำการลงนามร่างกฎหมายดังกล่าว

โดยวุฒิสภาสหรัฐฯจะเริ่มพิจารณาร่างจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีการส่งต่อมาเร็วที่สุดในวันนี้ หลังจากใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมงในการหารืออย่างต่อเนื่อง ก็จะมีการลงมติการแก้ไขร่างดังกล่าว เพื่อหวังให้วุฒิสภาสามารถผ่านร่างนี้ไปให้ได้

สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตยังคงจับตารายละเอียดและต้องการพิจารณาร่างดังกล่าวในสัปดาห์นี้ โดยพรรคเดโมแครตมีแผนจะอนุมัติให้ผ่านร่างนี้ไปให้ได้โดยปราศจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกัน แต่การสนับสนุนร่างดังกล่าวในวุฒิสภาก็อาจพ่ายแพ้ให้แก่ความเห็นต่างภายในพรรคเช่นกัน

และสิ่งที่น่าเป็นกังวลในการผ่านร่างนี้ไปให้ได้ คือการผลักดันการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 15 เหรียญ/ชั่วโมง

 

·         11 สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต ช่วยดันร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดน ในการจ่ายเช็คและช่วยเหลือคนว่างงาน


 

·         หนึ่งในข้อเสนอแพ็คเกจ Covid-19 ของสหรัฐฯ อาจรวมถึงการช่วยเหลือผู้สูงอายุบางคนที่มีการรักษาตัวภายในที่พักอาศัย หรือออกจากบ้านพรรคคนชราได้ โดยในร่างดังกล่าวมีการเรียกร้องเพิ่มวงเงิน 7.5% หรือ 1 พันล้านเหรียญ สำหรับงบด้านสุขภาพในส่วนของกองทุนสวัสดิการด้านที่พักอาศัยและบริการด้านสาธารณะ

 

·         ร่างแพ็คเกจ Covid-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ อาจกระตุ้นให้เกิดค่าธรรมเนียมการกู้ยืมการศึกษาที่สูงขึ้น

American Rescue Plan จะมีแผนการเพิ่มเครดิตคืนเงินภาษีเด็ก และมีการช่วยเหลือกลุ่มผู้เช่า ในวงเงิน 3 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 3 และครอบคลุมถึงการขยายเวลาช่วยเหลือคนว่างงาน

ขณะเดียวกันก็มีการจัดสรรวงเงินเกือบ 4 หมื่นล้านเหรียญในการขยายกองทุน Education Emergency Relief Fund ในการช่วยเหลือและสนับสนุนการศึกษาฉุกเฉินที่อาจขยายไปถึงปี 2021

โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ทางทีมบริหารของนายไบเดนคำนึงถึง และการขยายในส่วนของการช่วยเหลือการศึกษาอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายการกู้เงินของนักเรียนที่สูงขึ้นตามมาได้

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:



ทั่วโลกยอดติดเชื้อสะสมทะลุ 115 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า ล่าสุดรวม 352,993 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 115.27 ล้านราย ด้านยอดผู้เสียชีวิตสะสมรวม 2.55 ล้านราย

ขณะที่ภาพโดยรวมพบ 65 ประเทศในโลกที่ยังมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

 


สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลง ล่าสุดอยู่ที่ 53,392 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมรวม 29.36 ล้านราย และเสียชีวิตรวม 529,045 ราย

 

ทางฝั่งเอเชีย

เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นทะลุ 90,000 ราย ล่าสุดสะสมที่ 90,372 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,606 ราย

 

·         สถานการณ์การระบาดในไทย

ศบค. เผยผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่ม 42 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมโดยรวม 26,073 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ป่วยอยู่จ.ปทุมธานี รวมเสียชีวิตสะสม 84 รายแล้ว

 


·         นักเศรษฐศาสตร์เล็งเห็นสัญญาณแรกจากข้อมูลการฉีดวัคซีนว่า “มีประสิทธิภา”


รายงานจาก CNBC ระบุว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์ดูจะตอบรับกับข้อมูลอย่างสูงของการฉีดวัคซีน Covid-19 เนื่องด้วยเห็นจำนวนยอดติดเชื้อไวรัสลดลง ประกอบกับสัญญาณการเสียชีวิตที่มีอัตราลดลง ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อประสิทธิภาพของการใช้วัคซีนในเวลานี้

 

·         รายงานการฉีดวัคซีนในเวลานี้ พบ 108 ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนแล้ว ขณะที่จำนวนการฉีดวัคซีนทั่วโลกในเวลานี้อยู่ที่ระดับประมาณ 249.196 ล้านโดส



·         ทำเนียบขาวเร่งการจัดหาวัคซีนให้ได้ตามกรอบเวลา โดยตั้งเป้าให้สหรัฐฯจะต้องฉีดวัคซีน Covid-19 ให้แก่ผู้สูงอายุทุกคนในประเทศให้ได้ภายในสิ้นเดือนพ.ค. นี้

 

·         นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า บริษัท Merk จะช่วยผลิตวัคซีน Johnson&Johnson ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯในการเร่งจัดหาอุปทานด้านวัคซีนให้สูงขึ้น

 

·         “ไบเดน” เรียกร้องให้มลรัฐทำการฉีดวัคซีนให้คณะครูอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ประจำสถานศึกษาในเดือนนี้อย่างน้อยคนละ 1 เข็มแก่ทุกๆสถานศึกษา ภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้

 

·         รัฐเท็กซัส และมิสซิสซิปปี เมินคำเตือนจาก CDC ประกาศยกเลิกมาตรการคุมเข้มและการสวมใส่หน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวัน

 

 

·         เจ้าหน้าที่ยุโรปถูกกดดันจากประเทศสมาชิกในความพยายามสนับสนุนวัคซีน Covid-19 ของบริษัท AstraZeneca

 

·         รายงานล่าสุดเช้านี้ นางนีรา แทนเดน ประกาศถอนตัวจากการเป็นหนึ่งในตัวเลือกผู้อำนวยการหน่วยงานด้านงบประมาณของทีมบริหารไบเดน

 

·         ข้อมูล PMI ภาคบริการญี่ปุ่นหดตัวลงต่อเนื่อง 13 เดือน ท่ามกลางการประกาศภาวะฉุกเฉินของประเทศ

 

·         OPEC เล็งเห็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มตลาดน้ำมัน ประกอบกับคยวามเสี่ยงที่ลดลงต่อเนื่อง

รายงานจาก Reuters ระบุว่า ภาพรวม OPEC มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของตลาดน้ำมันหลังจากที่เผชิญความไม่แน่นอนในปีที่แล้ว และมีความเสี่ยงลดลงจากการใช้วัคซีนต้านการระบาดของไวรัส Covid-19

 

·         รัฐบาลพม่าจับกุมแลละตั้งข้อหาสมาชิกสื่อ 6 ราย ทีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมต้านรัฐบาลในประเทศ ขณะที่สำนักข่าว AP  และหน่วยงานด้านสื่อมวลชนอื่นๆเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเขาในทันที

 

·         นักบริหารเงิน  มองภาพรวมเงินบาทยังค่อนข้างทรงตัว และทิศทางเงินบาทวันนี้คาดว่าจะยังมีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ และตลาดรอฟังว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาให้มุมมองหรือมีการ take action อย่างไร ต่อ Treasury Yield ของสหรัฐที่ขึ้นไปเร็วมาก พร้อมคาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.30 บาท/ดอลลาร์



·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- คลังเผยยอดรับสิทธิ เราชนะ” ล่าสุดเกือบ 30 ล้านคน ใช้จ่ายกว่า 6.9 หมื่นลบ.

ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิร่วมโครงการฯ แล้ว มีจำนวนมากกว่า 16.2 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 35,939.2 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิโครงการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 29.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 69,023.7 ล้านบาท

 

- สรท.คาดแนวโน้มส่งออก ก.พ. ดีขึ้นหลังได้วัคซีน คงเป้าทั้งปีโต 3-4%

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก กล่าวว่า สถานการณ์ส่งออกของประเทศไทยดีขึ้นต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว หลังมีการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมาใช้งานในหลายประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างสหรัฐและจีนที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สรท.ยังคงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโตที่ระดับ 3-4%



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com