• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 มกราคม 2564

    12 มกราคม 2564 | SET News

· Nasdaq เพิ่มแพลทฟอร์มวิดีโอบริษัท Bilibili สำหรับรายชื่อการซื้อขายในฮ่องกง ส่งผลให้มีมูลค่าซื้อขายสูงกว่า 2 พันล้านเหรียญ


 


· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง จากระดับสูงสุดเป็นประวัตการณ์ เนื่องจากความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐฯและกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางเทขายในพันธบัตรสหรัฐเนื่องจากนักลงทุนคำนึงถึงค่าใช้จ่ายคั้งใหญ่ของรัฐบาล

โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปรับตัวสูงขึ้น 2.4% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ 1.1580%

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.5% หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 2.6% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรจากดัชนี Kospi ที่พุ่งสูงขึ้น


· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ทศวรรษ

เนื่องจากผู้ผลิตยารายงานว่ายาของ Chugai Pharmaceutical มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนา

โดยดัชนี Nikkei ปิด -0.09% ที่ระดับ 28,164.34 จุด หลังจากที่ร่วงลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ ด้านดัชนี Topix ปิด +0.16% ที่ระดับ 1,857.94 จุด

หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน Sumitomo Mitsui DS กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นคืนทันทีที่ตลาดเริ่มปรับตัวลงแสดงให้เห็นถึงปริมาณอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง โดยมีความเชื่อมั่นในตลาดเนื่องจากดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา


· ตลาดหุ้นจีนรีบาวน์จากการร่วงลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ โดยดัชนี blue-chip CSI300 ปิด +2.85% ที่ระดับ 5,596.35 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 13 ปี ด้านดัชนี Shanghai Composite ปิด +2.18% ที่บริเวณ 3,608.34 จุด


· หุ้นมาเลเซีย - ค่าเงินริงกิตร่วงหลังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินจำกัดยอดติดเชื้อ Covid-19

กษัตริย์มาเลเซียประกาศภาวะฉุกเฉินประเทศจนถึง 1 ส.ค. จำกัดยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้ตลาดหุ้น FTSE Bursa Malaysia KLCI Index ดิ่งลง 1.45% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า

ค่าเงินริงกิตของมาเลเซียอ่อนค่าทำสูงสุด 4.072 ริงกิต/ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนว่าประเทศมาเลเซียจะเริ่มเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินเมื่อไร

ในสัปดาห์ที่แล้วยอดติดเชื้อ Covid-19 รายวันพุ่งสูงเหนือระดับ 3,000 รายได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่นายกฯมาเลเซียเองเมื่อวานนี้ก็ประกาศห้ามการเดินทางจากต่างประเทศ ควบคู่กับการ Lockdown ในหลายๆเมืองประมาณ 2 สัปดาห์ ขณะที่บริเวณพรมแดนจะเริ่มต้นพรุ่งนี้



· ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากเหล่านักลงทุนยังคงมห้ความสนใจไปยังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐฯ

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.4% ด้านหุ้นน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้น 1.3% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมกัน หลังจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- รมว.คลัง เผยเตรียมปรับแผนหนี้สาธารณะปีงบ 64 ให้สอดคล้อง พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านลบ.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงแผนหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 ให้สอดคล้องตามแผนการกู้เงินและแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีตามปกติ รวมทั้งแผนการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท

- TFEX เผยปี 63 ปริมาณซื้อขายโต 15% เปิดแผนปีนี้เสริมสภาพคล่อง-เพิ่ม Currency Futures

นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปี 63 ทั่วโลกเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สภาวการณ์ตลาดทุนทั่วโลกมีความผันผวน เป็นผลให้มีการใช้อนุพันธ์เพิ่มมากขึ้น โดยตลาดซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายรวมตลอดปี 120,193,573 สัญญา เฉลี่ยวันละ 494,624 สัญญา เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า

ในด้านจำนวนบัญชีซื้อขายของผู้ลงทุนอยู่ที่ 217,073 บัญชี เพิ่มขึ้น 30,260 บัญชี หรือ 16% จากปี 62 โดยหลักเป็นการเติบโตควบคู่ไปกับการเติบโตของธุรกรรมหลักทรัพย์ รวมถึงการเติบโตจากกลุ่มผู้สนใจที่นิยมซื้อขาย Gold Futures และสินค้าใหม่อื่น ๆ ของ TFEX รวมถึงกิจกรรมการทดลองซื้อขายและการแข่งขันการซื้อขายที่ดำเนินการควบคู่ไปกับการทำ Workshop และให้ความรู้ทางออนไลน์ตลอดปีร่วมกับบริษัทสมาชิก

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานตัวเลขดัชนีค่าจ้างแรงงานครอบคลุมเฉพาะค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา โบนัสและเงินได้อื่นๆ ของแรงงานไทย

ล่าสุดถึงไตรมาสที่ 3 ปี 2563 พบว่า ดัชนีค่าจ้างแรงงานครอบคลุมเฉพาะค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา โบนัสเงินได้อื่นๆ ได้ลดลงต่อเนื่อง จากระดับ 130.25 ในไตรมาสที่ 2 ลงมาเหลือ 120.76 ในไตรมาสที่ 3 เพราะมีผลกระทบจากโควิด-19 และหากเทียบสถานการณ์ไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีที่ผ่านมา พบว่ามีดัชนี 2 กลุ่มธุรกิจที่ลดลงในระดับสูงสุด คือดัชนีค่าจ้างฯ ในกลุ่มศิลปะ ความบันเทิง นันทนาการ ลดลงจาก 160.06 ในไตรมาสที่ 2 มาอยู่ที่ 108.67 ในไตรมาสที่ 3 ดัชนีค่าจ้างฯ ในกลุ่มธุรกิจสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารลดลงมากที่สุด จาก 178.19 ในไตรมาสที่ 2 เหลือ 127.80 ในไตรมาสที่ 3 สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบคือการจัดงานต่างๆ และการท่องเที่ยว


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com