• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2563

    3 ธันวาคม 2563 | Economic News
 

·         ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะต่ำสุดรอบ 2 ปีครึ่ง จากความหวังวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดอลลาร์อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่  ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่หันไปตอบรับกับ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ความหวังวัคซีน Covid-19

ทั้งหมดนี้ จึงช่วยสนับสนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

 

แม้สภาคองเกรสจะล้มเหลวในการหาข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ล่าสุดก็มีสัญญาณที่ดีจาก การผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านเหรียญ ที่ทำให้เกิดการกลับสู่การเจรจาอีกครั้ง

 

นักลงทุนคาดหวังว่าสภาคองเกรส "จะตกลงกันได้" ท่ามกลางการเผชิญกับกำหนดเส้นตายของภาวะ Shutdown ภาครัฐบาที่อาจส่งผลให้คองเกรสอาจผ่านงบที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญ

 

เมื่อวานนี้ อังกฤษอนุมัติวัคซีน Covid-19 ของบริษัท Pfizer-BioNtech ส่งผลให้พวกเขาน่าจะเริ่มต้นผลิตวัคซีนที่มีโอกาสสูงจะเกิดการจัดส่งถึงอังกฤษได้ภายในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

 

มุมมองเชิงบวกต่างๆลดน้อยลงไปบ้าง จากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯเดือนพ.ย. ประกอบกับการแข็งค่าของยูโร แม้จะมีข่าวว่าอีซีบีอาจจะทำการเพิ่มวงเงิน QE ได้ในการประชุมสัปดาห์หน้า

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยมาที่ 1.2119 ดอลลาร์/ยูโรหลังไปทำแข็งค่ามากสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย.ปี 2018

 

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 2 ปีครึ่งที่ 90.948 จุด ก่อนจะทรงตัวกลับมาได้ที่ 90.992 จุด

 

หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Sumitomo Mitsui Bank กล่าวว่า โดยองค์รวม ทีมเศรษฐกิจของสหรัฐฯภายใต้การนำของนายไบเดน ดูจะเป็นไปในเชิง "ผ่อนคลายทางการเงิน" และไม่น่าจะมีการหนุนโดยตรงต่อดอลลาร์ที่กำลังอ่อนค่า ดังนั้นเป้าหมารยต่อไปของยูโร คือระดับแข็งค่ามากสุดช่วงก.พ. ปี 2018 ที่ระดับ 1.2555 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่การผ่อนคลายนโยบายของอีซีบีในสัปดาห์หน้า ก็ยังมีโอกาสเห็น "ยูโรแข็งค่ามากว่าจะอ่อนค่า"

 

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 104.47 เยน/ดอลลาร์ ส่วนหนึ่งได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์

 

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ปรับแข็งค่าทำสูงสุดรอบ 26 เดือนที่ 0.7409 หลังจากที่เศรษฐกิจออสเตรเลียยังรีบาวน์ได้มากกว่าที่คาดการณ์ในช่วงไตรมาสที่ 3

 

ค่าเงินหยวนแข็งค่าต่อใกล้ระดับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 2 ปีครึ่งที่ทำไว้ในเดือนที่แล้ว โดยหยวนทรงตัวที่ 6.5478 หยวน/ดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อจากการที่ทีมบริหารนายไบเดนจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมากกว่า

 

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวใกล้ระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 3 เดือน ล่าสุดทรงตัวที่ 1.3387 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบางและตลาดรอดูว่าอังกฤษ-อียูจะตกลงการค้ากันได้หรือไม่

 

BBC รายงานถึงการที่ผู้แทนเจรจา เผยว่า อาจมีความคืบหน้ามากขึ้นในอีก 2-3 วันข้างหน้า ขณะที่ตัวแทนทางการทูต 4 รายกล่าวกับ Reuters ว่า การเจรจายังติดปัญหาเรื่อง "สิทธิในการทำประมงของอังกฤษ" เพื่อรับประกันว่าจะเกิดความยุติธรรมด้านการแข่งขัน และแนวทางการแก้ไขปัญหาในอนาคต

 

Bitcoin ปรับลง 1% แตะ 19,043 เหรียญ ภาพรวมเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ช่วงต้นสัปดาห์นี้บริเวณ 19,918 เหรียญ

 

·         นายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เปิดเผยว่า รัฐเท็กซัสจะได้รับวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาปริมาณกว่า 1.4 ล้านโดสจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) โดยวัคซีนจะเริ่มส่งมาถึงเท็กซัสในสัปดาห์ของวันที่ 14 ธ.ค.นี้ และจะทำการแจกจ่ายให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

 

อย่างไรก็ดี แถลงการณ์จากสำนักงานผู้ว่าการรัฐไม่ได้ระบุว่าวัคซีนชนิดใดหรือวัคซีนใดจะถูกส่งไปยังเท็กซัส

 

·         สหรัฐฯจำกัดการเดินทางของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน

New York Times รายงานว่า ทีมบริหารทรัมป์ออกกฎการคุมเข้มสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและครอบครัวของพวกเขาที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศสหรัฐฯ  ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะประกอบไปด้วย

การจำกัดการใช้วีซ่าเดินท่องเที่ยวของสมาชิกพรรคการเมืองจีนดังกล่าว รวมถึงครอบครัวของพวกเขาเป็นระยะเวลา 1 เดือน

จำกัดการใช้วีซ่าแบบ Single-Entry (การเข้าประเทศแบบใช้ได้ครั้งเดียว)

 

·         บริษัทจีนที่มีกระดานซื้อขายในสหรัฐฯเผชิญภัยคุกคามจากการลงนามของ "ทรัมป์"

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเอกฉันท์ ผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรบริษัทจีนที่มีรายชื่อในกระดานซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ หากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎการตรวจสอบของสหรัฐฯได้อย่างเต็มรูปแบบ และนี่คือ "หนึ่งในเครื่องมือกดดันจีน" ก่อนที่นายทรัมป์จะอำลาจากตำแหน่ง ขณะที่ร่างดังกล่าวผ่านมติจากวุฒิสภาก่อนหน้า  ขณะที่นายทรัมป์คาดจะลงนามกฎหมายดังกล่าวเร็วๆนี้

 

“The Holding Foreign Companies Accountable Act” หรือ ร่างกฎหมายเพิกถอนบริษัทต่างชาติออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ  เกิดขึ้นเพื่อตรวจสอบด้านความมั่นคงต่อบริษัทต่างชาติที่มีรายชื่อบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากพวกเขาประสบความล้มเหลวในการตรวจสอบจากการบัญชีบริษัทมหาชนของสหรัฐฯ (U.S. Public Accounting Oversight Board’s audits) เป็นเวลา 3 ปีต่อเนื่อง

 

·         Jim Cramer จาก CNBC เรียกร้อง "ไบเดน" ศึกษาบทเรียน Trade War จากจีนในยุคทรัมป์ เพราะการใช้แนวทางที่เข้มงวดกับจีนจะให้ผลในการดำเนินการที่ดีกว่า ดังนั้น นายไบเดนจึงควรสงวนท่าทีดังกล่าวต่อไปในช่วงเข้าสู่ปีหน้า  และจะเห็นได้ว่า ผลจาก Trade War ของนายทรัมป์มีหลายๆแนวทางจริงๆที่ใช้ได้ผล และสร้างความคืบหน้ากับจีนได้มากขึ้นจากฎเกณฑ์ต่างๆ

 

·         รีพับลิกัน ค้าน "ทรัมป์" ใช้กฎหมายความมั่นคงในการขึ้นภาษีบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ แม้นาทรัมป์ขู่จะใช้สิทธิ์ Veto เพื่อไม่ให้เกิดการใช้กฎหมายความมั่นคงในการปกป้องบริษัทด้านสื่อสังคมนิยมต่างๆ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของสมาชิกพรรครีพับลิกัน ที่อาจขวางไม่ให้ผ่านร่างดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้

 

·         ร่างกฎหมายข้อบังคับจีนจะยึดหลักมาตรฐานของหน่วยงานบัญชีสหรัฐฯในการผ่านร่างของสภาคองเกรส

 

·         ไบเดนอาจกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ทางการค้ากับฝั่งเอเชียแปซิฟิกในการต้านอำนาจจีนร่วมกัน

ผลสำรวจ Think Tank ของสถาบัน Peterson Institute for International Economics (PIIE) ระบุว่า การเจรจาและฟื้นข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกอาจช่วยให้  สหรัฐฯกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาค ขณะที่อำนาจการปกครองของจีนขยายอิทธิพลมากขึ้น

 

เจ้าหน้าที่อาวุโสของ PIIE ระบุว่า การฟื้นความสัมพันธ์ของสหรัฐฯกับชาติพันธมิตรฝั่งเอเชีย ภายใต้การบริหารงานของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหากความตึงเครียดกับจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น และสหรัฐฯจำเป็นต้องใช้แนวทางการร่วมมือกับชาติพันธมิตรเพื่อตอบโต้

 

ดังนั้น การมาของทีมบริหารนายไบเดน จึงมีนโยบายที่ในการสนับสนุนผลผลิตสหรัฐฯและการจ้างงานให้เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ที่เปราะบางทางด้านสังคมไม่ให้ขวางการเข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย (ข้อตกลง RCEP)

 

ทั้งนี้ New York Tim3es รายงานว่า นายไบเดน เคยแสดงความต้องการที่จะผูกสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรในจีนและยุโรป โดยระบุว่า สามารถร่วมมือกันในเชิงกลยุทธ์ได้ เพื่อจัดการกับจีน

 

นักวิเคราะห์หลายๆรายมองความเป็นไปได้มากขึ้นที่ สหรัฐฯจะกลับเขาสู่ข้อตกลง CPTPP (ข้อตกลงหุ้นส่นทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) ที่เป็นข้อตกลงขนาดใหญ่กว่า RCEP ซึ่งอาจมีการกลับมาเจรจาและเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น TPP ตามแนวคิดที่ทีมบริหารนายโอบามาเคยวางแผนไว้ แต่แผนดังกล่าวก็ต้องถูกยกเลิกไปจากการมาของนายทรัมป์ในปี 2017

 

แต่ก็ต้องระวังเพราะข้อตกลง CPTPP อาจไม่เพียงพอ ขณะที่ข้อตกลง TPP ได้รับเสียงวิจารณ์เป็นวงกว้างภายในสหรัฐฯ แม้ว่าข้อตกลง CPTPP ที่จะกลับมาเจรจาในเวลานี้จะมีส่วนคล้ายกับข้อตกลง UMCA (สหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา) ที่ทางสภาคองเกรสมีมติเห็นชอบไปก่อนหน้า ซึ่ง CPTPP ก็ยังดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่าข้อตกลง TPP

 

อย่างไรก็ดี การกลับมาฟื้นโครงสร้างความสัมพันธ์กับประเทศฝั่งเอเชีย-แปซิฟิก อาจอนุญาตให้สหรัฐฯสร้าง CPTPP ที่แข็งแกร่งและช่วยฟื้นฟูสหรัฐฯได้มากที่สุดสำหรับข้อตกลงการค้าครั้งนี้

 

 

·         BBC เผย ข้อตกลงการค้า Brexit อาจเกิดขึ้นได้ในอีกไม่กี่วันนี้

บรรณาธิการของ BBC ระบุ อังกฤษและยุโรปอาจมีความคืบหน้าทำข้อตกลงการค้าระหว่างกันในเร็วๆนี้ โดยหวังว่าจะตกลงกันได้ในวันพรุ่งนี้

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงศีกษาธิการอังกฤษ เผย ข้อตกลงการค้า Brexit มีความคืบหน้าด้วยดี

 

·         นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศว่า รัฐบาลกลางและรัฐบาลประจำรัฐของเยอรมนี มีมติให้ขยายเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไปจนถึงวันที่ 10 ม.ค. ปีหน้า

โดยระบุว่า เยอรมนียังคงห่างไกลจากการบรรลุเป้าหมายควบคุมการแพร่ระบาดอยู่มาก เนื่องจากจำนวนผู้เสียชีวิตยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลกลางและรัฐบาลประจำรัฐ เป้าหมายของเราคือ การทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 50 รายต่อประชากร 100,000 รายให้ได้ภายในระยะเวลา 7 วัน

 

·         หน่วยงานพิทักษ์อิหร่านอนุมัติกฎหมายเสริมความแข็งแกร่งด้านนิวเคลียร์-ยุติการตรวจสอบของ U.N.

หน่วยงานเฝ้าระวังของสภาผู้พิทักษ์อิหร่านอนุมัติกฎหมายเพื่อให้รัฐบาลอิหร่านสามารถยุติการตรวจสอบแหล่งนิวเคลียร์จากทาง U.N.  และกลับมาเพิ่มปริมาณแร่ยูเรเนียมที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 หากไม่มีการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรภายใน 2 เดือนนี้ และทางสภาฯมีการตรวจสอบแล้วว่าร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ขัดต่อหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ

 

การดำเนินการดังกล่าวของอิหร่าน เป็นการตอบโต้จากกรณีอิสราเอลทำการลอบสังหารนักวิจัยทางด้านนิวเคลียร์ระดับแนวหน้าของอิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และการอนุมัติกฎหมายล่าสุดจากเสียงข้างมากในสภาจะยิ่งทำให้ท่าทีเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น

 

·         แนวโน้มผิดนัดชำระหนี้ระดับสูงพันธบัตรรัฐบาลจีนอาจกลายเป็นสิ่งที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับนักลงทุน

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก TS Lombard เตือนถึงภาวะผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทต่างๆในจีน ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในตลาดพันธบัตรจีนเป็นมูลค่ากว่า 13 ล้านล้านเหรียญ ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลจีนแทน เพราะไม่มีแนวโน้มจะประสบกับภาวะดังกล่าว ขณะที่ภาคส่วนต่างๆในจีนทั้งหมดมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด เมือเทียบระหว่างพันธบัตรรัฐบาลกับหุ้นกู้

 

·         จีนหวังออสเตรเลียจะดำเนินการต่างๆเพิ่มมากขึ้นเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพในภูมิภาค

จีนจะคงการเก็บภาษีไวน์ของออสเตรเลียไว้เป็นระยะเวลา 4 เดือนเป็นการชั่วคราว แต่อาจขยายเวลาออกไปเป็น 9 เดือน ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์พิเศษ



 

·         ออสเตรเลียอนุมัติสิทธิ VETO เหนือข้อตกลงต่างประเทศ ในขณะที่เพิ่มความตึงเครียดให้จีน

 

รัฐสภาของออสเตรเลียออกกฎหมายมอบอำนาจให้รัฐบาลกลางในการยับยั้งข้อตกลงใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับต่างประเทศ และมีแนวโน้มให้จีนเกิดความตึงเครียด ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มความรุนแรงของการทะเลาะวิวาททางการทูตระหว่างสองประเทศไปกันอีก

 

·         สมาชิกบอร์ดบีโอเจ แนะควรอนุญาตให้ Yield Curve เพิ่มสูงขึ้นสำหรับกลุ่มพันธบัตรที่ระยะยาวมาก (Super-Long Bond)

 

เนื่องด้วยการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในระดับต่ำแตะ -0.1% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีเคลื่อนไหวแถวศูนย์ เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวท่ามกลางระดับดอกเบี้ยต่ำ

 

อย่างไรก็ดี การใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษเป็นเวลาหลายปีจะส่งผลต่อผลประกอบการของสถาบันทางการเงิน รวมทั้งกระตุ้นความกังวลเนื่องจากผลกำไรอาจไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ

 

·         ญี่ปุ่นกังวลต่อการจับแกนนำกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง หลังจีนจับแกนนำผู้ประท้วงอย่างนายโจชัว หว่อง และผู้ร่วมอุดมการณ์รม ราย โดยมีโทษจำคุกนานกว่า 13 เดือน และแอกเนส โจว ถูกจำคุกเป็นเวลา 10 เดือน

 

·         Moody's ชี้ แนวโน้มบริษัทที่ไม่ใช่ด้านการเงิน (Non-Financial) ของอินเดียอยู่ในภาวะ "มีเสถียรภาพ" คาดจะหนุนให้จีดีพีประเทศรีบาวน์ได้ปีหน้า

 

·         รัฐบาลอินเดีย รับมือ เกษตรกรหลายพันคน ประท้วงการปฏิรูปฟาร์ม

 

เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียพบกับตัวแทนเกษตรกรในวันนี้ นับเป็นครั้งที่สี่ เพื่อแก้ไขปัญหาจากการปฏิรูปฟาร์ม ภายใต้การร่างกฎหมายใหม่ มีข้อกำหนดไว้ดังนี้

1.เกษตรกรสามารถขายผลิตผลได้โดยตรงกับผู้ซื้อจากไร่ และในบางรัฐเกษตรกรสามารถขายเป็นเงินสดและนำเข้าร้านค้าปลีกได้โดยตรง

2.อนุญาตให้เกษตรกรทำข้อตกลงกับผู้ซื้อในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและให้มีการจัดการข้อพิพาทในท้องถิ่น

3.ลดอิทธิพลของรัฐบาลกลางในการจัดหาอาหารบางประเภท โดยอนุญาตให้ดำเนินการได้เฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการลดความรุนแรง เช่น สงคราม หรือความอดอยาก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถซื้อจัดเก็บ และแจกจ่ายอาหาร เช่น ซีเรียล ถั่ว หัวหอม มันฝรั่ง น้ำมัน ได้โดยไม่มีข้อจำกัด

 

อย่างไรก็ตามรัฐบาลคาดว่าจากการร่างกฎหมายใหม่ในครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนการลงทุนและเป็นการจัดหาอุปทานอาหารรูปแบบใหม่


·         น้ำมันดิบปรับลง -  OPEC+ กลับสู่โต๊ะเจรจาขยายการปรับลดกำลังการผลิตหลังคว้าน้ำเหลว

ราคาน้ำมันดิบร่วงในวันนี้เนื่องจากกลุ่ม OPEC+ ยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการขยายการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มจากที่ปรับเพิ่มมาในช่วง First Wave ระบาด

 

น้ำมันดิบปรับลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ที่ระดับ 48.10 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 1.8%

 

น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ระดับ 45.11 เหรียญ/บาร์เรล จากที่เมื่อวานขึ้นไป 1.6%

 

ในวันนี้ OPEC+ จะกลับมาหารือกันอีกครั้งเพื่อหาข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายสำหรับปี 2021 หลักจากการเจรจาครั้งก่อนไม่ประสบความสำเร็จในการรับมือต่อความต้องการน้ำมันที่อ่อนแอลงท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนารอบใหม่

โดยมีการคาดการณ์ว่า กลุ่ม OPEC + จะยังคงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันไว้ที่ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 8% ของอุปทานทั่วโลกอย่างน้อยจนถึงเดือนมี.ค. 2021

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com