• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563

    3 พฤศจิกายน 2563 | Gold News

ทองคำขึ้นจากกังวล Covid-19 และตลาดให้ความสำคัญเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องวานนี้จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ จึงช่วยหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย


· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.8% ที่ 1,893.13 เหรียญ


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.7% ที่ 1,892.50 เหรียญ

· กองทุนทองคำ SPDR ขายทองคำออกในวันทำการแรกของเดือนพ.ย.อีก 1.75 ตัน รวมขาย 2 วันต่อเนื่อง 2.33 ตัน ปัจจุบันลดการถือครองทองคำลงมาที่ 1,255.92 ตัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา


· ภาพรวมนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ยังมีคะแนนนิยมนำนายทรัมป์ในหลายๆโพลล์ แต่การแข่งขันที่เริ่มสูสีกันในหลายๆรัฐสำคัญ ก็ก่อให้เกิดความกังวลว่าผลการเลือกตั้งอาจไม่ชัดเจน รวมทั้งการนับผลคะแนนของบัตรที่ถูกส่งมาทางไปรษณีย์อาจใช้ระยะเวลาหลายวัน


· หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก Blue Line Futures คาดว่าตลาดน่าจะผันผวนในช่วง 72 ชั่วโมงจากนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีการเข้าถือทองคำและซิลเวอร์ในฐานะ Safe-Haven ซึ่งหาก “ผลคะแนนเลือกตั้ง” มีความไม่ชัดเจน เราอาจเห็นทองคำปรับขึ้นไปบริเวณ 1,940 เหรียญได้ แต่ไม่ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ก็จะนำมาซึ่งการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อ ควบคู่กับที่หลายๆธนาคารกลางมีการปรับเพิ่มยอดงบดุลบัญชี และเลือกใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำ ทั้งหมดนี้ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำอยู่


· ราคาทองคำปีนี้ปรับขึ้นได้แล้ว 25% จากความต้องการสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของนานาประเทศทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับ Covid-19 โดยยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯและยุโรปยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลานี้


· นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า แก็ประหว่างคู่แข่งทั้งสองเริ่มแคบลงเรื่อยๆ ขณะที่การทราบผลการเลือกตั้งอาจใช้เวลานานกว่าที่เราเคยประเมินไว้ ขณะที่การใช้ Fast Track เพื่ออนุมัติวัคซีนก็ดูจะลดน้อยลง ดังนั้น ภาพรวมจึงยังสนับสนุนทองคำเชิงบวก


· ราคาซิลเวอร์ปิด +1.1% ที่ระดับ 23.88 เหรียญ ขณะที่แพลทินัมปรับขึ้นได้ 1.4% ที่ 860.31 เหรียญ ทางด้านพลาเดียมปิด +0.1% ที่ระดับ 2,214.80 เหรียญ


· Poll ชี้ คะแนนนำ 2 ผู้ลงแข่งเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯสูสีกันมากขึ้นใน 6 รัฐสำคัญ (Swing States) ก่อนเลือกตั้งวันนี้

ผลสำรวจจาก CNBC/Change Research Poll ระบุว่า นายโจ ไบเดน ดูจะยังมีคำแนนนำนายทรัมป์ได้ใน 6 รัฐสำคัญ แต่ก็เป็นคะแนนที่สูสีมากขึ้น จึงมีโอกาสเห็นนายทรัมป์คว้าชัยสมัยที่ 2 ในการดำรงตำแหน่งได้ โดยคะแนนที่เบียดตีตื้นมาสูสีกัน จะเป็นลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์ที่นายทรัมป์เคยเอาชนะการเลือกตั้งในปี 2016 มาได้

ภาพรวมเฉลี่ย 6 รัฐสำคัญ (Swing States) เวลานี้ นายไบเดนนำ 50% ขณะที่นายทรัมป์มี 46%


· สหรัฐฯมีการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ล่าสุดทะลุ 95 ล้านรายภายในช่วงก่อนเลือกตั้งเพียงวันเดียว

· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกทะลุ 47 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดอยู่ที่ 47.31 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมรวมทั่วโลก 1.21 ล้านราย

โดยสหรัฐฯมียอดติดเชื้อรายวันเพิ่ม 87,887 ราย ส่งผลให้มียอดสะสมรวม 9.56 ล้านราย และมีการเสียชีวิตสูงกว่า 236,974 ราย ด้านอินเดียยอดติดเชื้อรวม 8.26 ล้านราย ตามมาที่บราซิลที่มียอดติดเชื้อกว่า 5.54 ล้านราย


· อัตราการเสียชีวิตจาก Covid-19 รายสัปดาห์ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 3% หลังอัตราการติดเชื้อใหม่สัปดาห์ที่แล้วเพิ่ม 18% สูงกว่า 575,000 ราย

· สวิสเซอร์แลนด์ประกาศ Lockdown กรุงเจนีวา เหตุยอดติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

· นายกฯอังกฤษ เผย “ไม่มีทางเลือก” ในการตัดสินใจ Lockdown รอบ 2

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวเตือนว่า อาจเผชิญการเสียชีวิตเพิ่มมากกว่า 2 เท่าในช่วงฤดูหนาวเมื่อเทียบกับการระบาดใน First Wave ท่ามกลางยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในอังกฤษ ณ ปัจจุบันที่ทะลุ 1 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 46,807 ราย

อย่างไรก็ดี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายกฯอังกฤษตัดสินใจประกาศ Lockdown รอบ 2 เป็นระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่ 5 พ.ย. จนถึง 2 ธ.ค.


· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเยอรมนี หนุนสภายุโรปเร่งผลักดันแผนฟื้นฟูวิกฤตไวรัสโคโรนาวงเงิน 1.8 ล้านล้านยูโร (2.1 ล้านล้านเหรียญ) เพื่อให้เกิดการรีบกลับมาเจรจาและหาข้อตกลงให้ได้โดยเร็วในการสนับสนุนงบประมาณฟื้นฟูแก่ประเทศสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19


· ข้อมูล PMI ยุโรปเติบโตสดใสเดือนต.ค. ท่ามกลางการผลิตเยอรมนีพุ่ง

กิจกรรมการผลิตยูโรโซนในเดือนต.ค. ขยายตัวได้สดใส นำโดยเยอรมนี แต่การระบาดของ Covid-19 น่าจะกดดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิ

IHS Markit’s เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนต.ค. ขยายตัวได้เร็วที่สุดนับตั้งแต่ก.ค. ปี 2018 ที่ระดับ 54.8 จุด จาก 53.7 จุดในเดือนก.ย.

นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า เยอรมนีเติบโตได้ดีในช่วงหลายเดือน แต่การกลับมาเริ่มต้น Lockdown อีกครั้งดูจะไม่ส่งผลกระทบแค่เยอรมนี แต่ตลาดส่งออกหลักๆโดยทั่วกันทั้งหมดที่อาจชะลอการเติบโตได้ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 มีแนวโน้มค่อนข้างหดตัว

Reuters Poll ระบุว่า ยังมีความเสี่ยงสูงจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นในยุโรป ที่จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน


· IMF ย้ำประเทศกลุ่ม G20 เดินหน้าหนุน “ค่าใช้จ่าย” กระตุ้นเศรษฐกิจจาก Covid-19

กองทุน IMF กล่าวเตือนประเทศกลุ่ม G20 โดยระบุว่า “วิกฤติไวรัสโคโนายังไม่จบ” พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ, อังกฤษ และนานาประเทศในการ “เพิ่มวงเงินค่าใช้จ่ายในแผนปัจจุบัน

โดย IMF คาดการณ์ปีนี้จีดีพีโลกปีนี้จะหดตัว -4.4% และน่าจะโตได้ 5.2% ในปี 2021 แต่กล่าวเตือนว่าสถานการณ์ในเวลานี้ยังไม่สดใส และรัฐบาลต่างๆไม่ควรถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้


· เจ้าหน้าที่คาด ‘ความก้าวหน้าด้าน Fintech’ อาจหนุนให้ฮ่องกลายเป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลกได้ โดย 3 ปัจจัยหลัก ที่ขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี คือ

1. เม็ดเงิน

2. ความสามารถ

3. ข้อกำหนดต่างๆ

และฮ่องกงกำลังพิจารณามาตรการที่จำเป็นเพื่อผลักดันความก้าวหน้าและหนุนการเติบโตที่แท้จริงของระบบ Fintech Ecosystem ต่อไป

South China Morning Post เปิดเผยว่า ฮ่องกงมีการปล่อยแผนช่วยเหลือด้านค่าแรงมูลค่า 15.5 ล้านเหรียญ เพื่อสนับสนุนภาคบริษัททางการเงินในการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน Fintech กว่า 1,000 อัตราภายในระยะเวลา 1 ปี ขณะที่ภาครัฐบาลจะมีการจ่ายค่าจ้างพนักงานประจำใหม่ (Full Time) มูลค่า 10,000 ฮ่องกงดอลลาร์ (1,290 เหรียญ) ทุกๆเดือนในระยะเวลา 1 ปี


· นักบริหารการเงินคาดว่าเงินบาทในวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 31.05 – 31.25 บาท/ดอลลาร์ ความเสี่ยงหลักๆต่อค่าเงินยังเป็นเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ ท่ามกลางกลุ่มผู้ส่งออกและนักลงทุนต่างมีความระมัดระวังตัวสูง เพราะผลเลือกตั้งระยะสั้นๆมีความเป็นไปได้จะกดดันดอลาร์ให้อ่อนค่าและเป็นบวกต่อค่าเงินเอเชียและเงินบาท แต่ก็อาจหนุนบอนด์ยีลด์ให้ปรับตัวขึ้นทั่วโลก ซึ่งเป็นลบผสมผสานกันไป

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com