• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2563

    30 ตุลาคม 2563 | Gold News

ดอลลาร์แข็งค่า กดดัน “ทองลงทำต่ำสุดรอบ 1 เดือน”

· ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องและทำระดับต่ำสุดรอบ 1 เดือนจากดอลลาร์ที่ยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่าในฐานะ Safe-Haven จากการที่ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนายังระบาดหนักก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ


· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.4% ที่ 1,869.22 เหรียญ หลังปิดร่วงกว่า 2% ในคืนวันพุธ ขณะที่เช้านี้ทองคำปรับตัวลงต่อทำต่ำสุดที่ 1,859 เหรียญโดยประมาณ ก่อนจะรีบาวน์มาเคลื่อนไหวใกล้ระดับปิดดังเดิม


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.6% ที่ระดับ 1,868 เหรียญ


· นักวิเคราะห์จาก Quantitative Commodity Research กล่าวว่า การที่ดอลลาร์ยังได้รับอานิสงส์ในฐานะ Safe-Haven และแข็งค่าต่อทำสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ เป็นผลมาจากที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศ Lockdown สู้ Second Wave


· ขณะที่ก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ดูจะมีคะแนนสูสีกันมากขึ้นเรื่อยๆในรัฐกลุ่ม Swing States


· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco Metals กล่าวว่า ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวขึ้นได้มากแม้จะมีการระบาดของไวรัสโคโรนา จากดอลลาร์แข็งค่า และการรีบาวน์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ที่เป็นปัจจัยจำกัดการเคลื่อนไหวของตลาด ประกอบกับข้อมูลจีดีพีและผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด


· ภาพรวมปีนี้ทองคำปรับขึ้นมาได้แล้วประมาณ 22% จากการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำและการสนับสนุนการกระตุ้นทางเศรษฐกิจอย่างหนั


· ประชุมอีซีบีเมื่อคืนนี้ยังคงนโยบาย แต่อาจมีการเผยแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอันเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนารอบใหม่ในการประชุมเดือนหน้า


· สภาทองคำโลก (World Gold Council) คาดว่าอุปงค์ทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้ในช่วงสิ้นปีนี้จากกลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่อย่างจีนและอินเดีย


· กองทุนทองคำ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันถือครองที่ 1,258.25 ตัน


· ราคาซิลเวอร์ปิดปรับลง 0.6% ที่ระดับ 23.24 เหรียญ หลังจากที่ร่วงลงไปทำต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน ขณะที่ราคาแพลทินัมปิด -2.7% ที่ 844.02 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด -1.8% ที่ระดับ 2,193.18 เหรียญ


· จีดีพีสหรัฐฯไตรมาส 3 ดีกว่าคาดแตะ 33.1% ขยายตัวได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่เริ่มกลับมาระบาดรอบใหม่ของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ ข้อมูลจีดีพีล่าสุดได้รับอานิสงส์จาก

- การอุปโภคบริโภคที่แข็งแกร่งในภาคธุรกิจและการลงทุนในที่อยู่อาศัย
- ยอดส่งออกที่รีบาวน์ขึ้นในไตรมาส 3

แต่มาตรการ CARES ACT ที่หมดอายุอาจส่งผลลบต่อจีดีพีได้


· ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯดีขึ้นเกินคาด!

ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาดีขึ้นและมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยสัปดาห์ที่แล้วมีคนขอรับสวัสดิการที่751,000 ราย หรือปรับลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 40,000 ราย


· อีซีบีย้ำอาจกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มธ.ค. ท่ามกลาง Second Wave กดดันให้ยุโรป Lockdown

การประชุมอีซีบีล่าสุดตัดสินใจคงนโยบายการเงินและตรึงดอกเบี้ยที่ระดับ 0%, 0.25% และ -0.5% ตามลำดับ แต่มีการกล่าวย้ำถึงการจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมผ่านโครงการเข้าซื้อพันธบัตร (PEPP) ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดภายในเดือนธ.ค.

ทั้งนี้ คาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ที่จะประกาศในเดือนธ.ค. สมาชิกอีซีบีจะประเมินด้วยความรอบคอบต่อข้อมูลต่างๆทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่จะมาถึง ประกอบไปด้วย การระบาดของไวรัสโคโรนา ตลอดจนวัคซีน และการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน


· เยอรมนี-ฝรั่งเศส ‘Lockdown’ ส่อแววกระทบเศรษฐกิจเพิ่ม

ทีมนักวิเคราะห์จาก High Frequency Economics กล่าวว่า มาตรการล่าสุดของ 2 ประเทศเศรษฐกิจในยุโรปอาจส่งผลให้

- คนว่างงานปรับตัวสูงขึ้น

- ภาคธุรกิจในประเทศกลับมาปิดทำการเพิ่มขึ้น

- ระดับหนี้สินของประเทศเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนจะย่ำแย่อีกครั้ง และยังไม่เห็นการจ้างงานกลับมาเพิ่มขึ้นได้ แม้จะมีการใช้นโยบายดอกเบี้ยและการสนับสนุนทางการเงินก็ตาม


· สเปนประกาศภาวะฉุกเฉินของประเทศเป็นระยะเวลา 6 เดือนเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกทะลุ 45 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดอยู่ที่ 45.31 ล้านราย ขณะที่ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วโลกใกล้แตะ 1.2 ล้านราย ล่าสุดอยู่ที่ 1.18 ล้านราย

· ประชาชนสหรัฐฯมีการส่งบัตรลงคะแนนเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์จำนวน 122 ล้านรายก่อนเลือกตั้ง ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่เคยมีการจัดเลือกตั้ง

ขณะที่ BBC ระบุว่า การนับคะแนนเลือกตั้งในปีนี้อาจล่าช้าจากการที่ถูกตัดลดงบประมาณบริการด้านไปรษณีย์ ที่ถูกนายทรัมป์ทำการค้านการเพิ่มงบประมาณในส่วนนี้


· Reuters/Ipsos Poll สะท้อนประชาชนกว่า 4 ใน 10 ที่สนับสนุน “ไบเดน-ทรัมป์” อาจไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง

โพลล์ล่าสุดระหว่าง 13 – 20 ต.ค. พบว่า ประชาชนที่ให้การสนับสนุนนายไบเดนกว่า 43% อาจไม่ยอมรับผลเลือกตั้งหากนายทรัมป์เป็นผู้ได้รับชัยชนะ

ขณะที่ประชาชนกว่า 41% ที่ต้องการให้นายทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยก็อาจไม่ยอมรับผลเลือกตั้งเช่นกัน หากนายไบเดนเป็นฝ่ายชนะ


· BBC ประเมินโอกาสที่ “ไบเดน-ทรัมป์” จะไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง โดยเฉพาะจากการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ที่เพิ่มจำนวนขึ้น

“นายไบเดน” กล่าวว่าจะยอมรับผลคะแนนรวมทั้งหมด แต่ต้องมีการยืนยันว่านับเสร็จเรียบร้อยทุกคะแนนโหวต (เนื่องด้วยไม่ต้องการให้มีการประกาศชัยชนะในคืนเลือกตั้งเหมือนยุคที่นางคลินตันลงแข่ง)

“นายทรัมป์” กล่าวว่า การเลือกตั้งในเดือนพ.ย.นี้ อาจเกิดการฉ้อโกงคะแนนครั้งมหาศาลจากการโหวตผ่านทางไปรษณีย์ – แม้ว่าเขาจะไม่หลักฐานประกอบกับกรณีนี้เท่าที่ควร


จะเกิดอะไรขึ้นหาก “เกิดการไม่ยอมรับผลคะแนน”?

นายโดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อว่า ผลคะแนนเลือกตั้งอาจต้องจบลงที่ศาลฎีกาสูงสุดของสหรัฐฯ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 36 วัน ที่ทางศาลสูงสุดจะทำการตัดสินใจนับคะแนนใหม่ เหมือนในการเลือกตั้งปี 2000 ที่ช่วงประกาศตอนแรกผู้สมัครจากเดโมแครตได้รับชัยชนะ แต่เมื่อมีการพิจารณานับคะแนนใหม่ ท้ายที่สุด “นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช” ก็ได้รับชัยชนะในปีนั้น

ความท้าทายในแง่กฎหมายต่างๆอาจเกิดขึ้นได้ในปีนี้ จากทุกอย่างๆตั้งแต่ข้อกำหนดในการระบุตัวตันสำหรับการลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์ และการเปลี่ยนแปลงการลงคะแนนจากสถานการณ์ Covid-19 ที่กำลังเกิดขึ้น


· นักบริหารเงิน คาดวันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.10-31.30 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไปตามแรงซื้อขายดอลลาร์ตามปกติในช่วงสิ้นเดือน ขณะที่ตลาดต่างประเทศกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในสหภาพยุโรป


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟคเวสท์

- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับคาดการณ์ GDP ในปี 63 ติดลบน้อยลง โดยอยู่ที่ -7.7% จากเดิมคาดไว้ -8.5% ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเริ่มเปิดประเทศ ส่วนปัญหาทางการเมืองในประเทศขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจเพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าได้ตามปกติ

- กระทรวงคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนก.ย.63 โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย.63 ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยเฉพาะในด้านอุปสงค์ สะท้อนจากการบริโภคสินค้าคงทนและการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าที่หดตัวในอัตราชะลอลงอย่างต่อเนื่อง

- ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/63หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์ อยู่ที่ 3.14% เทียบกับไตรมาส 2 ที่ 3.09% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้มีนัยสำคัญ

- ธปท. ได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เรื่อง การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้และการตัดชำระหนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดภาระหนี้ สร้างความเป็นธรรมในการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนและลดการเกิดหนี้ด้อยคุณภาพในระบบการเงิน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com