• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2563

    22 ตุลาคม 2563 | Gold News

ทองขึ้นกว่า 1% ท่ามกลางคืบหน้าข้อตกลงการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ กดดันดอลลาร์อ่อนค่า

· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% ทำสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ท่ามกลางนักลงทุนที่ตอบรับมุมมองเชิงบวกของการเจรจาแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อน 3 พ.ย.นี้


· ทองคำตลาดโลกปิด +1.1% ที่ 1,926.46 เหรียญ หลังทำสูงสุดตั้งแต่ 12 ต.ค. บริเวณ 1,931 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +14.1 เหรียญ ที่ระดับ 1,929.5 เหรียญ

· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำ 0.58 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,269.35 ตัน


· หัวหน้านักวิเคราะห์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า แม้จะมีการเลยกำหนดเส้นตายการเจรจาตามที่นางแนนซีแจ้งไว้ แต่ภาพรวมตลาดก็ยังคงตอบรับได้ดีกับสัญญาณที่อาจเกิดข้อตกลงได้ในอนาคตอันใกล้ จึงเริ่มกลับมาซื้อทองคำ ประกอบกับการอ่อนค่าของดอลลาร์มากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือนอีกด้วย และภาพรวมคิดว่าอุปสงค์ทองคำจะปรับสูงขึ้นต่อจากความจำเป็นในการต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยระดับติดลบ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับ Covid-19 ที่จะเพิ่มการเข้าซื้อทองคำในฐานะ Safe-Haven


· ผลสำรวจบรรดานักวิเคราะห์ล่าสุดจาก Reuters คาดทองคำอาจเคลื่อนไหวเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2,000 เหรียญ ตลอดปีหน้า แต่จะเป็นการค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น และอาจมีการทำ New High รอบใหม่


· ซิลเวอร์ปิด +2% ที่ 25.14 เหรียญ ขณะที่แพลทินัมปิด +2% ที่ 888.41 เหรียญ และพลาเดียวมปิด +0.2% ที่ 2,402.58 เหรียญ

ภาพรวมทั้งแพลทินัมและพลาเดียมก็อาจฟื้นตัวได้ต่อตามภาคอุตสาหกรรมรถยนต์


· วุฒิสภาสหรัฐดันแพ็คเกจไม่ผ่านตามคาด - “มนูชิน-เพโลซี” ยังเจรจาต่อ!

สมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตค้านข้อเสนอจากทางรีพับลิกันในการดันแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 แสนล้านเหรียญ โดยมีมติไม่ผ่าน 51-44 เสียง นายมนูชิน และนางเพโลซี “ยังเจรจาต่อ” เพื่อผลักดันข้อตกลงให้ได้ก่อนเลือกตั้ง โดยความเห็นที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เช่น

- การช่วยเหลือรัฐต่างๆ

- การปกป้องภาคธุรกิจจากระดับหนี้สินอันเนื่องจาก Covid-19

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวเผย “ทั้งคู่” มีความพยายามจะเกิดข้อตกลงร่วมกันให้ได้ก่อนจบสัปดาห์นี้ ขณะที่นายทรัม์ดูจะยินยอมเพื่อให้เกิดข้อตกลงให้ได้ แม้ว่าแพ็คเกจนี้จะมีมูลค่าสูงกว่า 2.2 ล้านล้านเหรียญตามที่เดโมแครตเคยเสนอไว้ก็ตาม

Goldman Sachs คาดว่า “ไม่น่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนเลือกตั้ง 3 พ.ย.”


· เมื่อวานนี้พรรคเดโมแครตค้านการแต่งตั้งประธานศาลสูงสุดที่นำเสนอโดยรีพับลิกัน


· ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ชี้ สหรัฐฯสามารถรอแพ็คเกจช่วยเหลือได้ ท่ามกลางการปรับตัวของภาคธุรกิจ

นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวย้ำมุมองของเขาว่า ภาคธุรกิจควรมีการปรับตัวให้เข้ากับการระบาดของไวรัสโคโรนาและเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าที่คาดโดยปราศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเชื่อว่าทุกฝ่ายจะได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการดังกล่าวอย่างเพียงพอเพื่อหนุนเศรษฐกิจได้ต่อจนถึงช่วงไตรมาสที่ 4/2021


· เศรษฐกิจสหรัฐฯรีบาวน์ทดสอบการให้สัญญาของเฟดเรื่องการคงดอกเบี้ยระดับต่ำ และการสนับสนุนเงินเฟ้อให้สูงขึ้

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจโตได้สูงกว่า 30% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มีการปรับคาดการณ์ว่าอาจขึ้นได้มากกว่า 31.4% จากที่ทรุดตัวลงไปในไตรมาสที่ 2/2020


· ตลาดพันธบัตรกำลังเริ่มปรับตัวขึ้นคู่กับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น

ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนจาก Morgan Stanley กล่าวว่า ตลาดพันธบัตรกำลังแสดงให้เห็นถึงการปรับขึ้น หลังจากที่มีการซื้อขายเคลื่อนไหวในกรอบมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่กำลังเริ่ม Breakout ออกจากกรอบในลักษณะขาขึ้น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ทำสูงสุดบริเวณ 0.834% ขณะที่ล่าสุดเมื่อวานนี้ทรงตัวแถว 0.80%

อย่างไรก็ดี การจ่ายเงินสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะส่งผลให้ยอดรวมระดับหนี้เพิ่มสูงขึ้น และการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำให้ระดับหนี้เพิ่มมากขึ้น


ทั้งหมดนี้ จึงถือเป็นปัจจัยหนุน “การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทน”


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนารวมล่าสุดสูงกว่า 41.46 ล้านราย และเสียชีวิตสะสมไม่น้อยกว่า 1.13 ล้านราย


· CDC กังวลแนวโน้มการระบาดของสหรัฐฯในเวลานี้ที่น่าเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น

โดยสหรัฐฯยังคงเป็นประเทศที่มีสถานการณ์การระบาดที่เลวร้ายที่สุดในโลกสูงกว่า 8.58 ล้านราย และมีการเสียชีวิตสะสมสูงกว่า 227,000 ราย ท่ามกลางรายงานการติดเชื้อรายวันที่อยู่ราว 60,000 ราย มีการเพิ่มขึ้น 17% ต่อสัปดาห์


· Mortgage Bankers Association เผย ความต้องการจำนองของกลุ่มผู้ซื้อบ้านลดลงต่อเนื้อง 4 สัปดาห์

ขณะที่การทำสัญญาซื้อบ้านในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่อง 2 สัปดาห์

ความต้องการซื้อลดลงไปเกือบ 7% เมื่อเทียบกับช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมข้อมูลหนุนพันธบัตร เมื่อเทียบกับช่วง 1 ปี


· “เพโลซี” ระบุว่า รายงานของนายทรัมป์ พบบัญชีธนาคารจีนกำลังสร้างความกังวลด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้น


· หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ อิหร่านและรัสเซียพยายมแทรกแซงเลือกตั้งปี 2020


· กระทรวงกลาโหม เผย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อนุมัติยอด 1.8 พันล้านเหรียญสำหรับการขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน


· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.10-31.30 บาท/ดอลลาร์

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ที่ประชุม ศบค.มีมติให้เสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาต่ออายุการบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน หรือสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย.63 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค.63 เนื่องจากขณะนี้ยังจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษเพื่อจัดการกับการดูแลสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

· อ้างอิงจากสำนักข่าว VoaThai

- The Wall Street Journal ของสหรัฐฯ รายงานว่า ในปีนี้ดัชนี MSCI Thailand index ที่สะท้อนตลาดหุ้นไทยสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ลดลงเกือบ 30% หากคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์ ถือว่ายำ่แย่ทกว่าประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนั้น การลงเเรงเกิดขึ้นไม่นานนี้ หากพิจารณาว่า จากต้นปีจนถึงเดือนมิถุนายน MSCI Thailand index ลดลงไปเพียง10%

ขณะเดียวกัน NikkeiAsia อ้างการประเมินของนักวิเคราะห์บางรายที่ระบุว่า การอ่อนตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจรุนแรงกว่าช่วง "วิกฤติต้มยำกุ้ง" ที่เกิดหลังไทยลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งในตอนนั้นจีดีพี ปี พ.ศ. 2541 หดตัว 7.6%

The Wall Street Journal ระบุว่า หากสมมุติว่า ไม่มีแรงกดดันจากปัจจัยทางเมือง เศรษฐกิจไทยก็เผชิญกับสิ่งท้าทายที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ "วิกฤติต้มยำกุ้ง" อยู่แล้ว และอ้างการพยาการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ

· อ้างอิงจากสำนักข่าว ch3thailandnews

- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเชื่อมั่นว่า รัฐบาลเอาอยู่ รับมือสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวภายใน 2 ปี กำลังซื้อจะกลับมาเป็นปกติก่อนโควิด-19 ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ส่วนการท่องเที่ยวก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นจากการที่รัฐบาลกลับมาเปิดประเทศ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com