• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 24 กันยายน 2563

    24 กันยายน 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์แข็งค่าทำสูงสุดรอบ 2 เดือน จากการระบาดเพิ่มขึ้นคุกคามเศรษฐกิจ

ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าทำสูงสุดรอบ 2 เดือน จากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯและยุโรปจะได้รับผลกระทบจาก Second Wave

ทั้งนี้ ดอลลาร์ได้รับอานิสงส์ในการเป็น Safe-Haven เนื่องจากจำนวนยอดติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในยุโรป ประกอบกับสมาชิกเฟดที่เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯเพิ่มมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจ จึงทำให้สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆมีการปรับตัวลดลง

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% ทำระดับสูงสุดรอบ 2 เดือนบริเวณ 94.50 จุด และทำให้ภาพรวมสัปดาห์ปรับขึ้นเกือบ 2% แม้ว่าสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้จะชะลอตัว

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานด้านการกำกับดูแลของเฟด กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีภาวะ "ย่ำแย่" จากคนตกงานและอุปสงค์ที่อ่อนแอ จึงเรียกร้องให้มีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ขณะเดียวกัน เขามีมุมมองว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อจะแตะ 2%

เงินปอนด์แกว่งตัวในกรอบแต่ก็ยังยืนได้เหนือ 1.27 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนอังกฤษจะประกาศแผนปกป้องแรงงานและการจ้างงานในช่วงค่ำวันนี้

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลง ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาและถ้อยแถลงของปธ.เฟดต่อสภาคองเกรส ขณะที่ตลาดจับตาไปยังยอดขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาที่บริเวณ 0.6692% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.4077%


· Reuters/Ipsos poll เผยโพลล์เลือกตั้ง "ทรัมป์" vs "ไบเดน"

การชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากฝั่งรีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต มีแนวโน้มสูสีกันมากขึ้นจากการเผยผลจากรัฐฟลอริดา และแอริโซนาล่าสุดในวันนี้

โดยจะเห็นได้ว่า 6 รัฐสำคัญที่ทำผลสำรวจล่าสุดนี้ เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งจริงในวันที่ 3 พ.ย. ท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรนา

- มุมมองประชาชนในเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนา

ส่วนใหญ่เชื่อว่า "นายไบเดน" จะจัดการกับการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ดีกว่านายทรัมป์

- มุมมองต่อการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ

ส่วนใหญ่ เชื่อว่า "นายทรัมป์" จะบริหารจัดการเศรษฐกิจได้ดีกว่านายไบเดน


· "ทรัมป์" จะไม่ทำการมอบอำนาจอย่างสันติหากเขาแพ้การเลือกตั้ง

เนื่องจากหากพิจารณาจากสิ่งที่เกิด จะเห็นได้ว่าเขาค่อนข้างไม่พอใจกับบัตรลงคะแนนที่ส่งทางไปรษณีย์ ที่จะสร้างความเสียหายอย่างมาก เพราะอาจเกิดการโกงการเลือกตั้งได้

อย่างไรก็ดี คำกล่าวหาดังกล่าวของเขามีขึ้นโดยปราศจากหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นถึงการโกงการเลือกตั้งครั้งใหญ่


· ปอมเปโอ เตือน นักการเมืองสหรัฐฯระวังเรื่อง "อิทธิพลและการจารกรรมข้อมูล" ของจีน

นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าปงระเทศ แนะให้นักการเมืองในระัดบประเทศและระดับท้องถิ่นระมัดระวังต่อนักการทูตจีนที่พยายามเข้าถึงพวกเขาผ่านแคมเปญโฆษณาต่างๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดการจารกรรมข้อมูลได้


· ByteDance ออกใบอนุญาตการส่งออกเทคโนโลยีในจีน ท่ามกลาง TikTok ที่ยังอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลง ขณะเดียวกันก็มีความหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยยุติแผนของรัฐบาลในการแบนแอพลิเคชัน TikTok อันเนื่องจากกรณีความมั่นคง


· แหล่งข่าวเผย JPMorgan เตรียมจ่ายค่าปรับ 1 พันล้านเหรียญ ฐานทุจริตทางการเงิน

ตามที่เจ้าหน้าที่กำกับดูแลตลาดสหรัฐฯเปิดเผยถึงเอกสารในการฟอกเงิน หรืออาชญากรรมทางการเงินเข้าสู่ตลาดซื้อขายสินค้าอนุพันธ์ในกลุ่มโลหะมีค่าและตราสารหนี้


· HHS เผย สหรัฐฯยังคงระงับการทดลองวัคซีนของ AstraZeneca

เลขาธิการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ (HHS) กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า การทดสอบวัคซีนของบริษัท AstraZeneca ยังคงถูกระงับไว้ ท่ามกลางการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในการตอบคำถามสำคัญ อันเป็นความปลอดภัยต่อผู้ป่วย

ทั้งนี้ ทั่วโลกมีการระงับการทดสอบวัคซีนของบริษัท AstraZeneca ภายใต้ชื่อ AZD1222 ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. นี้ หลังจากที่ผลทดสอบในอังกฤษมีรายงานว่ามีอาสาสมัครรายหนึ่งมีผลข้างเคียงร้ายแรง และถึงแม้จะมีรายงานข่าวว่าในวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา บริษัท AstraZeneca มีการกลับมาทำการทดสอบวัคซีนในอังกฤษอีกครั้ง แต่ทั่วโลกรวมถึงสหรัฐฯก็ยังคงระงับการทดสอบดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

อย่างไรก็ดี การจะอนุมัติใช้ Fast-Track ในการกระจายวัคซีน Covid-19 สู่ประชาชนก็ยังเป็นเรื่องน่ากังวลถึงความปลอดภัยอยู่

Change Research Polls ของ CNBC ล่าสุด สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสำรวจยังมีความกังวลต่อการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะทำการเร่งอนุมัติใช้วัคซีนให้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อสนับสนุนคะแนนเสียงในการเลือกตั้งปีนี้ ซึ่งมีเพียง 42% ของผู้ตอบแบสอบถามที่ระบุว่า พวกเขาจะเป็นผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นรายแรกๆ หรือได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก

The Washington Post เผยรายงานแรกวานนี้ว่า FDA ถูกคาดว่าจะทำการประกาศมาตรฐานใหม่ที่มีความเข้มงวดมากขึ้นในการอนุญาตให้มีการอนุมัติวัคซีน Covid-19 เป็นการฉุกเฉินเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและได้รับความไว้วางใจของประชาชน


· รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ประเมินว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายวันน้อยกว่า 10,000 ราย แม้ว่าจะมีตัวเลขการทดสอบที่พบผลเลือดเป็นบวกเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกับช่วงที่การระบาดอยู่ในระดับสูงของประเทศก็ตาม


· ยุโรปกำลังเผชิญภาวะถดถอยเท่าตัวจาก Covid-19 ที่กลับมาอีกครั้ง

ยุโรปกำลังเผชิญกับภาวะ Second Wave ของไวรัสโคโรนาอีกรอบ และอาจส่งสัญญาณเชิงลบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอีกครั้

โดยจะเห็นได้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 2/2020 จีดีพียูโรโซนหดตัวไป -11.8% เพราะได้รับผลกระทบจากการ Lockdown ประเทศเพื่อจำกัดการระบาดของไวรัส

กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ ที่พากันคาดจะเห็นเศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2020 แต่ ณ เวลานี้ ก็ดูเหมือนจะไม่แน่ใจต่อคาดการณ์ ท่ามกลางหลายๆรัฐบาลที่เริ่มกลับมาประกาศใช้ Lockdown ครั้งใหม่ หรือการชะลอการกลับมาเปิดทำการ จากยอดติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก ING กล่าวว่า มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะปรับลงอีกเท่าตัว เช่น การหดตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4/2020 รวมทั้งอาจเห็นการประกาศ Lockdown เพิ่มมากขึ้นในหลายๆภูมิภาคของยูโรโซนภายในอีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้ ไม่ว่าจะเป็น กรุงมาดริด ประเทศฝรั่งเศส และรัฐลีออง ของฝรั่งเศส

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ภาคธุรกิจจาก IHS Markit กล่าวว่า มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวต่อทิศทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4/2020

นักเศรษฐศาสตร์จาก RBC คาดว่า มาตรการคุมเข้มรอบใหม่จะส่งผลในขั้นแรกกับภาคบริการ และจะนำมาซึ่งการชะลอตัวในกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆในอีกไม่กี่เดือนตามมา


· Brexit แบบ "No-Deal" จะไม่มีใครได้ประโยชน์

นายมิเชล โกฟ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า Brexit แบบ No-Deal จะไม่มีใครได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้

อย่างไรก็ดี เขายังคาดหวังว่าอังกฤษจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับอียูได้ พร้อม ระบุว่า อังกฤษจะพยายามทำทุกทางเพื่อให้เพื่อให้เกิดข้อตกลง


· ข้อมูลภาคธุรกิจเยอรมนียังสดใส แม้จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม

สถาบัน Ifo เผย กิจกรรมภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนก.ย. ที่ระดับ 93.4 จุด ขณะที่ข้อมูลเดือนก่อนหน้าปรับทบทวนลงมาที่ 92.5 จุด และยังส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของเยอรมนียังฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาในช่วงครึ่งแรกของปี


· ILO ชี้ การระบาดของไวรัสหั่นรายได้แรงงานทั่วโลกกว่า 1 ใน 10

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เผยว่า รายได้แรงงานทั่วโลกปรับตัวลดลงไปประมาณ 10.7% หรือ 3.5 ล้านล้านเหรียญ ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้รวมกับการใช้มาตรการสนับสนุนของบรรดารัฐบาลต่างๆในการช่วยเหลือแรงงานช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา หรือเทียบเท่ากับ 5.5% ของจีดีพีในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2019


· ผลสำรวจ ชี้ จีนฟื้นตัวไม่ได้ทั้งหมดจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

รายงานผลสำรวจของ China Beige Book เผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากไวรัสโคโรนานั้นเกิดขึ้นได้เพียงบางส่วนของประเทศเท่านั้น หลังจากที่ส่วนใหญ่กว่าครึ่งประเทศประสบภาวะ Shutdown ในช่วงต้นเดือนก.พ. เพื่อพยายามควบคุมการระบาดของไวรัส และทำให้จีดีพีจีนไตรมาสแรกหดตัวไป -6.8% และหลังจากที่สถานการณ์การระบาดชะลอตัวลงในช่วงเดือนมี.ค. ก็ทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง และจีดีพีในช่วงไตรมาสที่ 2 ขยายตัวได้ที่ 3.2%

รัฐบาลจีน เผยว่า เศรษฐกิจจีนโดยองค์รวมมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง

นักเศรษฐศาสตร์จาก Nomura คาดว่า จีดีพีจีนไตรมาสที่ 3/20 จะโตได้ที่ 5.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ผลสำรวจภาคธุรกิจเอกชนกว่า 3,300 บริษัท ระหว่างวันที่ 13 ส.ค. - 12 ก.ย.

รายงานภาพรวมว่า บริษัทขนาดใหญ่ที่ขึ้นกับ 3 นครหลักในจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง และกวางตุ้ง มีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่พื้นที่อื่นๆที่เหลือในประเทศจีนนั้น บริษัทส่วนใหญ่ในภูมิภาคดูจะมีการชะลอการเติบโต โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมไปถึงบริษัทนอกประเทศทั้งในด้านผลประกอบการ, ยอดขาย, การลงทุน และการกู้ยืมเติบโตได้ช้ากว่า 3 นครหลักข้างต้น

นักวิเคราะห์บางส่วน จึงคาดว่า ผลประกอบการและรายได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ แทบทุกภูมิภาคในจีนจะปรับลงเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะเดียวกันจังหวัดส่วนใหญ่ของประเทศดูจะมีผลผลิตและคำสั่งซื้อภายในประเทศที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าด้วย


· สิงคโปร์อนุญาตประชาชนกลับเข้าสำนักงาน หลังสถานการณ์ไวรัสโคโรนาดีขึ้น

สิงคโปร์ประกาศผ่อนปรนข้อจำกัดในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้ประชาชนจำนวนมากกลับไปทำงานที่สำนักงานได้ หลังพบยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ลดลงในช่วงที่ผ่านมา

โดยรัฐบาลสิงคโปร์ จะอนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าไปทำงานที่สำนักงานได้ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.นี้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรความปลอดภัย ขณะเดียวกันบรรดานายจ้างต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เพิ่มเติม เช่น การกำหนดชั่วโมงการทำงานที่มีความยืดหยุ่น


· รัฐบาลจีนหนุนรัฐบาลฮ่องกงในการจัดการสื่อมวลชนขั้นเด็ดขาด


· จีนแบนนักเรียนทุนชาวออสเตรเลีย 2 รายจากกรณี "แอนตี้จีน" จึงยิ่งตอกย้ำความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศมากขึ้น


· เกาหลีเหนือสังหารทหารเกาหลีใต้ ก่อนทำลายศพ

กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ มีรายงานว่า ทหารของเกาหลีเหนือใช้อาวุธปืนสงครามยิงทหารเกาหลีใต้ ก่อนจะราดน้ำมันและจุดไฟเผา

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้มีหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสมุทรศาสตร์และการประมง "หายตัวไป" จากเรือตรวจการณ์ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ลาดพระเวนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บริเวณน่านน้ำของเกาะยอนพย็อง ซึ่งเป็นแนวพรมแดนทางทะเลด้านตะวันตกของประเทศ ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ด้านข่าวกรอง เผยว่า เรือตรวจการณ์ลำดังกล่าว เข้าไปทางฝั่งเกาหลีเหนือ ก่อนที่ทหารเกาหลีเหนือ ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเขาจนเสียชีวิต ก่อนทำลายศพ


· นายกฯญี่ปุ่น ชี้ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จำเป็นต้องฟื้นฟูความสัมพันธ์และจัดการกับเกาหลีเหนือ

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่ามีการโทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ในการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เพื่อร่วมมือกันในการจัดการกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ


· น้ำมันร่วงลง จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของอุปสงค์สงค์*

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงไป ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในยุโรปที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการ จำกัดการเดินทางในหลายประเทศ

ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์และแนวโน้มเศรษฐกิจ ท่ามกลางการฟื้นตัวของไวรัสโคโรนาทำให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จึงเพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 37 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.9% ที่ระดับ 39.56 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 34 เซนต์ หรือคิดเป็น 41.43 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com