• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 24 กันยายน 2563

    24 กันยายน 2563 | SET News
   

· ดัชนีฟิวเจอร์สสหรัฐฯเคลื่อนไหวผันผวนตามแรงขายที่เกิดขึ้นของตลาดหลักวานนี้

ดัชนีฟิวเจอร์สสหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวลดลง หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงอย่างหนัก นำโดย S&P500 ที่ปรับลงกว่า 2%

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวลงมาแดนลบ โดยลดลงประมาณ 100 จุดในวันนี้ ทางด้าน S&P500 ฟิวเจอร์ส และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ก็มีการปรับตัวลดลงเช่นกัน

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ถึงความผันผวนในตลาดดัชนีฟิวเจอร์ส จากที่ช่วงเปิดตลาดวานนี้เคลื่อนไหวในแดนบวกจาการถ้อยแถลงของนายทรัมป์ไม่รับปากว่าจะถ่ายโอนอำนาจให้หากแพ้การเลือกตั้ง และประเด็นนี้ดูจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงินด้วย

· หุ้นเอเชียลดลง ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่เบาบางลงไป

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบสองเดือน เนื่องจากคำเตือนจากบรรดาสมาชิกเฟดที่ตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ขณะที่เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับร่วงลง หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐฯดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน

สำหรับวันนี้เหล่านักลงทุนรอคอยข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง จึงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังห่างไกลจากการฟื้นตัว

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง 1.93% นับเป็นการร่วงลงรายวันมากที่สุดตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา


· หุ้นญี่ปุ่นร่วงลง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดไวรัสโคโรนา

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลง โดยต้องเผชิญกับแรงขายของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น และการชะลอตัวของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก

ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯทำให้เกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่รับปากว่าจะถ่ายโอนอำนาจให้หากแพ้การเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ร่วงลง 1.1% ที่ระดับ 23,087.82 จุด ซึ่งลดลงต่ำกว่าแนวรับสำคัญจากค่าเฉลี่ย 25 วัน บริเวณ 23,217 จุด เป็นระดับต่ำสุดในรอบครึ่งเดือน ด้านดัชนี Topix ร่วงลง 1.08% ที่ระดับ 1,626.44 จุด


· หุ้นจีนปรับร่วงลง ตามการร่วงลงของหุ้นสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวลดลง หลังร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่าสองสัปดาห์ ตามการปรับร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา จากความกังวลที่เกิดขึ้นใหม่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ร่วงลง 1.72% ที่ระดับ 3,223.18 จุด ด้านดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 ร่วงลง 1.92%

· หุ้นยุโรปปรับลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง เนื่องจากความหวังที่ลดลงของนักลงทุนเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากการระบาดของไวรัสโคโรนาท่ามกลางแพร่ระบาดระลอกสอง

โดยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนายังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อในยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น ตามรายงานของ BBC ระบุว่า อังกฤษรายงานผู้ป่วย 6,178 ราย เพิ่มขึ้น 1,252 ราย นับตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลเยอรมันสองคนกำลังถูกกักกันหลังจากผู้ใกล้ชิดได้รับการตรวจไวรัสโคโรนาที่มีผลเป็นบวก

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 ร่วงลง 1% ด้านหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการพักผ่อนร่วงลง 2% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ


อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

· ดัชนีหุ้นไทยต้นภาคเช้าร่วงกว่า 10 จุด ก่อนไหลลงต่อไปเป็นกว่า 20 จุด หลุดแนวรับสำคัญ 1,250 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวลง หลังดัชนีดาวโจนส์ปิดดิ่งลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจชะลอตัว กดดันให้มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาฉุดภาพรวมการลงทุน

เมื่อเวลา 10.00 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,252.82 จุด ลดลง 11.19 จุด (-0.89%)

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.55 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,243.84 จุด ลดลง 20.17 จุด (-1.60%)

· รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากนี้ จะมีมาตรการเซอร์ไพร้ส์ต่อเนื่องต้องติดตามกัน อย่างไรก็ตามรับรองว่ามาตรการจะคล้ายๆ กับคนละครึ่ง แต่ยกระดับขึ้นมาเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีฐานะสูงขึ้นมาหน่อย แต่อาจได้ไม่ถึงมาตรการคนละครึ่ง เป็นมาตรการต่อจากมาตรการคนละครึ่ง (โคเพย์) คือรัฐออกให้ส่วนหนึ่ง ผู้บริโภคออกเองส่วนหนึ่ง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และการจ้างงาน ซึ่งวันที่ 26-28 ก.ย. นี้จะมีการจัดงานจ๊อบเอ็กซ์โป ไทยแลนด์ ที่ไบเทคบางนา โดยรวบรวมตำแหน่งการจ้างงานครั้งใหญ่จำนวน 1 ล้านคน 1 ล้านตำแหน่ง ซึ่งใครที่ตกงานให้ไปร่วมงานได้เลยส่วนมาตรการคนละครึ่งยังไม่ผ่านที่ประชุม ครม. เนื่องจากต้องปรับรายละเอียดอีกนิดหน่อย

· ททท. คาดหยุดยาว 8 วัน เงินสะพัด 2.4 หมื่นล้าน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงวิกฤติ "โควิด-19" เชื่อคนวางแผนเที่ยวไกลขึ้น พร้อมคุยคลังปรับเงื่อนไข "เราเที่ยวด้วยกัน" ใหม่

· ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 80 ล้านคน-ครั้งในปี 63 ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว หรือเอ็มโอยู กับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อดึงเศรษฐีภูธร หรือนักธุรกิจท้องถิ่นที่เป็นสมาชิกของหอการค้าทั่วประเทศให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย. 63-ก.พ. 64

· กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการโอนเงินที่น่าสงสัยว่าปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่างการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลและตอนนี้ธนาคารยังไม่ได้รับเอกสารจากทางการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบถามถึงธุรกรรมหรือรายการโอนที่เกิดขึ้นโดยธนาคารพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าว

· นายกสมาคมอสังหาฯชี้โควิดลากยาว จุดเสี่ยงอสังหาฯไปต่อไม่ไหว หลังภาพรวมปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง 50% หวั่นหมดระยะพักหนี้ ยอดปฏิเสธสินเชื่อ พุ่งต่อ แนะรัฐ"ลดภาษีโอนซื้อขายกิจการ" พยุงปิดกิจการ ถูกเจ้าหนี้ขายทอดตลาด ขณะ"เครดิตบูโร" เตือนจับตาหนี้ครัวเรือนพุ่ง กระทบหนี้ที่อยู่อาศัย

· สมาคมธนาคารไทย ยันทุกแบงก์รายงานธุรกรรมต้องสงสัยตามกฎหมายปปง.เคร่งครัด

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กรณีที่ปรากฎรายงานข่าวทางเว็บไซต์ของสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) ว่า สถาบันการเงินหลายแห่งในหลายประเทศ รวมทั้ง 4 ธนาคารในประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมโอนเงินต้องสงสัย ตั้งแต่ปี 2542 โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลจากเอกสารของหน่วยงานเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินแห่งสหรัฐอเมริกา (US Financial Crimes Enforcement Network หรือ FinCEN) นั้น ทางสมาคมธนาคารไทย ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างใกล้ชิด ในการตรวจสอบข้อมูลที่มีการอ้างถึงที่ยังไม่สามารถทราบความถูกต้องและรายละเอียดของเอกสารข้อมูลที่ชัดเจน เพียงแต่สันนิษฐานได้ว่าหากเป็นข้อมูลที่ได้จาก FinCen ก็น่าจะเป็นการรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยของสถาบันการเงินสหรัฐอเมริกา ภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกระบวนการดำเนินงานปกติ และไม่ได้หมายความว่าธุรกรรมที่ถูกรายงาน จะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายเสมอไป ตามที่ธปท.ได้ให้รายละเอียดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว


อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

· รมว.ดิจิทัลฯ ลั่นครั้งแรก! แจ้งจับ "เฟซบุ๊ก-ยูทูบ-ทวิตเตอร์-ชาวโซเชียล" คดีหมิ่นสถาบันฯ - เผย 982 คดีที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ในการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลเนื้อหาไม่เหมาะสม

เมื่อเวลา 11.20 น. วันนี้ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายถุชงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวง ดีอีเอส พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย เข้ายื่นเอกสารให้กับ พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการและโฆษก บก.ปอท. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ส่งต่อข้อความในลักษณะหมิ่นสถาบัน ในห้วงระหว่างการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาวันที่ 19-20 กันยายน ที่ผ่านมา พร้อมดำเนินคดีผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม จำนวน 982 คดี

· ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุกว่า 32 ล้านราย เสียชีวิตเฉียดล้านคน ขณะที่ต้องจับตาเพื่อนบ้านไทยอย่างเมียนมา ติดเชื้อสะสมหลายพันราย

เว็บไซต์ Worldometer รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) วันที่ 24 ก.ย. ณ เวลา 12.00 น. พบยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก 32,097,341 ราย เสียชีวิตแล้ว 981,190 ราย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com