• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 8 กันยายน 2563

    8 กันยายน 2563 | Gold News
 

ทองปรับขึ้นจากกังวลเศรษฐกิจโลกหนุนอุปสงค์

· ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นได้หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงมีสัญญาณอ่อนแอจึงยิ่งเพิ่มความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ดูจะทำเกิดความหวังจะเห็นการใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นเวลานาน


· ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้นประมาณ 0.2% ที่ 1,935.5 เหรียญ โดยปรับขึ้นจากที่ลงไปทำต่ำสุดในคืนวันศุกร์บริเวณ 1,916.24 เหรียญ ทางด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับขึ้น 0.5% ที่ 1,943.4 เหรียญ โดยที่ตลาดสหรัฐฯปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ


· หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการเงินจาก AxiCorp กล่าวว่า ข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯโดยทั่วไปยังคงบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ดังนั้น เราจึงน่าจะเห็นการใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน และนี่จะเป็นผลบวกต่อทองคำในเวลานี้


· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า ข้อมูลจ้างงานในเดือนส.ค. ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ก็เป็นแนวโน้มการปรับขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งเฟดจะคงแผนการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินออกไป


· สัปดาห์นี้นักลงทุนให้ความสนใจกับการประชุมอีซีบีในคืนวันพฤหัสบดีนี้


ทั้งนี้ นักลงทุนยังไม่คิดว่าอีซีบีจะเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ แต่ต้องการที่ฟังว่าอีซีบีมีการกล่าวถึงค่าเงินยูโรอย่างไร หลังจากที่สมาชิกอีซีบีหลายๆรายกังวลกับการแข็งค่าของยูโร


· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจากรอยเตอร์ส คาดว่า อาจเห็นทองคำรีบาวน์แตะ 1,949 เหรียญ หากยืนได้เหนือแนวต้าน 1,936 เหรียญได้อย่างชัดเจน


· ราคาซิลเวอร์ปรับขึ้น 0.4% ที่ 26.99 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปรับขึ้น 0.8% ที่ 901.77 เหรียญ ด้านราคาพลาเดียมปรับขึ้น 0.5% ที่ระดับ 2,308.15 เหรียญ


· จ้างงานสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกือบ 1.4 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลง

ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯออกมาดีขึ้นแตะ 1.37 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราว่างงานปรับลงมาที่ 8.4% ส่งสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดที่ชะลอตัวลง


ภาพรวมตลาดต่างๆในช่วงต้นตอบรับกับข้อมูลเชิงบวก แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับปรับตัวลงจากแรงเทขายอย่างต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตั้งแต่วันพฤหัสบดี


· โพเวลล์ย้ำอาจคงดอกเบี้ยระดับต่ำไปอีกหลายปี

นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะอยู่ระดับต่ำเป็นเวลาหลายปี ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ต่อสู้กับการฟื้นตัวกลับจากไวรัสโคโรนา และเฟดเห็นควรว่าจะใช้นโยบายดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีขึ้น จึงสะท้อนว่าเฟดน่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเป็นเวลานานแม้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ปรับขึ้นคู่กับอัตราคนว่างงานในระดับต่ำ

อย่างไรก็ดี แม้ว่าประธานเฟดจะไม่ได้ระบุชี้ชัดถึงมาตรการอื่นๆ แต่เขาก็คิดว่าเฟดน่าจะยังไม่ยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่ข้อมูลจ้างงานที่ออกมาเรียกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และอัตราว่างงานก็ออกมาดีขึ้นกว่าช่วงระบาดหนักๆที่อัตราว่างงานพุ่งไปแตะ 14.7%


· ประธานเฟดบอสตันชี้ แม้จ้างงานจะแข็งแกร่งแต่เศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีสัญญาณถดถอยค่อนข้างมาก

นายอีริค โรเซ็นเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีสัญญาณถดถอยค่อนข้างมาก แม้ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯเดือนส.ค. จะออกมาขยายตัว แต่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้


· ประธานเฟดชิคาโกเรียกร้องเพิ่มนโยบายช่วยเหลือทางการเงิน ส่งสัญญาณผ่อนคลายต่อ

นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก เรียกร้องให้สภาคองเกรสสหรัฐฯเพิ่มมาตรการสนับสนุนทางการเงิน และส่งสัญญาณถึงการที้เฟดจะผ่อนคลายทางการเงินและคงดอกเบี้ยระดับต่ำพิเศษเป็นเวลาหลายปีจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งเหมือนช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ พร้อมคาดว่าผลผลิตสหรัฐฯจะไม่สามารถกลับไปฟื้นตัวได้เหมือนช่วงก่อนวิกฤตจนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2022 ด้านอัตราว่างงานคาดจะอยู่ระหว่าง 5% ถึง 5.5% ขณะที่เงินเฟ้อจะอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% เป็นบางเวลา

อย่างไรก็ดี นายอีวานส์ ก็แสดงท่าทีสนับสนุนการคงดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์ จนกว่าเงินเฟ้อจะบรรลุ 2.5%


· ประธานเฟดแอตแลนต้าจะทำการจับตาดูการปล่อยเงินเฟ้อปรับขึ้นชั่วคราว

นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนติค กล่าวว่า เฟดเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างการจ้างงานกับเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงและข้อกำหนด ดังนั้น การจะปรับขึ้นดอกเบี้ยก็จะต้องขึ้นกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย แต่เขาก็ไม่ได้กังวลเรื่องที่เงินเฟ้อจะสูงกว่าเป้าหมาย 2% มาที่ 2.4% หากภาพรวมดัชนีราคายังมีเสถียรภาพ


· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา

 

ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดทะลุ 27.4 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 896,658 ราย ทางด้านสหรัฐฯมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาใกล้แตะ 6.5 ล้านราย โดยล่าสุดอยู่ที่ 6.485 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตสะสมที่ 193,534 ราย

สำหรับอินเดียยอดผู้ติดเชื้อแซงหน้าบราซิลมาอยู่เป็นลำดับที่ 2 ของโลกที่ระดับ 4.277 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตที่ 72,816 ราย โดยที่อินเดียมีอัตรายอดติดเชื้อที่มากที่สุดของโลกที่ระดับ 90,000 รายภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง

ออสเตรเลีย ประกาศถึงความคาดหวังที่ว่าจะได้รับวัคซีนชุดแรกภายในเดือนม.ค. ปีหน้า


· ผู้อำนวยการ WHO ชี้โลกจะต้องมีการเตรียมการที่ดีขึ้นสำหรับการระบาดครั้งต่อไป


· ทรัมป์เพิ่มไอเดียการแยกตัวทางเศรษฐกิจจากจีน

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเพิ่มแนวทางการแยกตัวทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯและจีน เนื่องจากไม่ต้องการให้สหรัฐฯสูญเสียเม็ดเงินจากจีนเป็นเวลานานมากเกินไปในการดำเนินการทางธุรกิจ


· ส่งออกจีนดีขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. ปรับขึ้น 9.5% เมื่อเทียบรายปี

สภาหอการค้าจีน เผยข้อมูลการส่งออกที่ดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 9.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนส.ค. ปรับลง 2.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าที่ 5.893 หมื่นล้านเหรียญในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะออกมาที่ 5.05 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่เดือนก.ค. จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงกว่าอยู่ที่ระดับ 6.233 หมื่นล้านเหรียญ


· เศรษฐกิจสิงคโปร์อาจหดตัวแตะ -7.6% เมื่อเทียบรายปีในช่วงไตรมาสที่ 3/2020

ธนาคารกลางสิงคโปร์เผยผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ถูกคาดว่าจะหดตัวลงไป -7.6% ในช่วงไตรมาสที่ 3/2020 เมื่อเทียบกับปีก่อน ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ยังเข้าคุกคามเศรษฐกิ

รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติสิงคโปร์ ระบุว่า ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบช่วงไตรมาสรายปีจะยังมีสัญญาณหดตัว แต่ก็ถือว่าฟื้นตัวจากที่ -13.2% ในช่วงไตรมาสที่ 2/2020 และหากเทียบรายปีถือว่าไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาเป็นไตรมาสที่หดตัวลงมากที่สุดครั้งประวัติการณ์


· เศรษฐกิจของญี่ปุ่นหดตัวลงกว่าที่คาดในไตรมาสที่ 2/2020 เพิ่มความกดดันให้ผู้นำคนใหม่

เศรษฐกิจของญี่ปุ่นหดตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 2/2020 โดยหดตัวลงมาที่ -28.1% จากคาดการณ์ที่ 27.8% เนื่องจากผลกระทบของโคโรนาไวรัสและการเน้นย้ำถึงกลุ่มผู้กำหนดนโยบายที่เผชิญกับความท้าทายในการหลีกเลี่ยงการตกต่ำทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลอื่นๆยังสะท้อนถึงความท้าทายต่างๆ ทั้งในเรื่องการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและค่าแรงที่ปรับตัวลดลงในเดือนก.ค. เพราะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจาก COVID-19 ทำให้การบริโภคลดลง แม้ว่าจะมีการยกเลิกมาตรการ Lockdown ในเดือนพ.ค. แล้วก็ตาม

นอกจากนี้ ข้อมูลข้างต้นยังตอกย้ำถึงสิ่งที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องเผชิญกับการพยายามควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและการหลีกเลี่ยงการคุมเข้มในกิจกรรมภาคธุรกิจ โดยพรรค LDP จะมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคในวันที 14 ก.ย.นี้


· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่นะหว่าง 31.10-31.50 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญได้แก่ ปัจจัยทางการเมืองในประเทศ สถานการณ์ไวรัสโคโรนาในไทยและต่างประเทศ และสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้นการบริโภค ด้วยการแจกเงิน 3,000 บาท ให้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป จำนวน 15 ล้านคนนั้น กระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค.63 เป็นต้นไป

- สมาคมศูนย์การค้าไทย สมาคมผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ และภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ ได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนประเทศ

- คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน เสนอ 5 ประเด็นเร่งด่วนที่เป็น Big Rock หรือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญและมีผลกระทบสูงต่อการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงในด้านพลังงานของไทย เพื่อการเข้าไปมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในภาคพลังงาน เพิ่มการลงทุน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ พร้อมๆ ไปกับการดูแลราคาพลังงานไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยจะเร่งโครงการส่วนใหญ่ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วภายในปี 65

- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ออก "มาตรการฟื้นฟูผู้ประกอบการหลังสถานการณ์โควิด-19"เพื่อเข้าไปดูแล ช่วยเหลือ สนับสนุนลูกค้าที่จำแนกได้เป็น 4 กลุ่ม ตามความต้องการของกิจการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

- ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้วงเงินจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นวอลเล็ต สบม. ครั้งที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.70% ต่อปี ยังมียอดจำหน่ายคงเหลือ 1,000 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 5,000 ล้านบาท

- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ในเดือน ส.ค. 63 อยู่ที่ 102.29 หดตัว -0.50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.63 ขยายตัว 0.29% โดยเป็นการหดตัวน้อยสุดในรอบ 6 เดือน และเฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) หดตัว -1.03%

- ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในหัวข้อ"ธนาคารกลางท่ามกลางความท้าทาย" ใน BOT พระสยาม Magazine ฉบับส่งท้ายตำแหน่งของผู้ว่าการ ธปท.ว่า การบริหารความคาดหวังและการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการทำนโยบายของธปท. จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และจะเป็นความท้าทายของธนาคารกลางต่อไปในอนาคต


อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com