• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2563

    27 สิงหาคม 2563 | Gold News
 

ทองคำปรับขึ้นจากคาดการณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ตลาดจับตา “โพเวลล์”

· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้กว่า 1% จากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงก่อนทราบถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่นักลงทุนคาดว่าน่าจะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1% ที่ 1,948.08 เหรียญ หลังดิ่งลงทำต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในช่วงต้นตลาด ขณะทีสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +1.5% ที่ 1,952.5 เหรียญ

· กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้กลับเข้าซื้อทอง 3.22 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ 1,252.09 ตัน


· หุ้นส่วนผู้จัดการจาก CPM Group กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ส่งสัญญาณอ่อนค่าลงเล็กน้อย ท่ามกลางความคาดหวังที่จะเห็นการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ


· เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์อ่อนค่าลงประมาณ 0.1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยคืนนี้นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด มีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งเขาถูกคาดว่าจะมีการเสนอกลยุทธ์ด้านเงินเฟ้อของเฟด รวมถึงการดำเนินนโยบายทางการเงิน ขณะที่ในสัปดาห์ที่แล้ว รายงานประชุมเฟดมีรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผ่อนคลายนโยบายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า


· ราคาทองคำปรับขึ้นได้แล้วประมาณ 28% ในปีนี้ จากการที่บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกและภาครัฐบาลต่างๆมีการใช้มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ประกอบกับนักลงทุนถือครองทองคำเพื่อเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและค่าเงิน


· นักกลยุทธ์การตลาดจาก RJO Futures กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนกำลังรอคอยรายละเอียดบางอย่างจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรับฯ และสภาคองเกรสของสหรัฐฯว่าจะมีข้อตกลงสำหรับร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่


· กลุ่มนักลงทุนรอคอยความคืบหน้าของการเจรจาเรื่องความช่วยเหลือในวิกฤตไวรัสโคโรนาของสหรัฐฯ ซึ่งนายสตีเวน มนูชิน รัมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯจะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงก่อนจะมีการหารือต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า


· ราคาซิลเวอร์ปิด +3.5% ที่ 27.34 เหรียญ ด้านแพลทินัมปิด +0.3% ที่ระดับ 929.91 เหรียญ และพลาเดียมปิด +0.9% ที่ 2,183.43 เหรียญ


· เฟดถูกคาดว่าจะใช้เครื่องมือใหม่ในการตอบรับยุคไวรัสระบาดเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำเป็นเวลานาน

สำนักข่าว CNBC ระบุว่า ก่อนที่จะไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ก็จะเห็นได้ถึงการที่เฟดมีความกังวลอยู่แล้วในเรื่องเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และเฟดก็กำลังมองหาวิธีที่จะปล่อยให้เงินเฟ้อนั้นปรับตัวสูงขึ้นเป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว และปัญหาด้านการกำหนดราคาที่อ่อนแอ

นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่มีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงในวันนี้เวลาประมาณ 20.10น. (ตามเวลาไทย) โดยถูกคาดว่าจะมีการกล่าวเกี่ยวกับกรอบการดำเนินนโยบายของเฟด และโดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนแนวโน้มทิศทางเงินเฟ้อ ซึ่งเฟดมีการตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2% แต่ในรอบ 10 ปีมานี้นับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตทางการเงินก็ดูเหมือนเงินเฟ้อก็ยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนด

โดยหนึ่งในแนวทางที่เฟดถูกคาดการณ์ไว้ว่าการปรับเป้าหมายค่าเฉลี่ยของเงินเฟ้อ โดยที่เจ้าหน้าที่เฟด เผยถึงการที่ บรรดาสมาชิกเฟดอาจมีการยอมให้เงินเฟ้อปรับสูงกว่าเป้าหมาย จากที่อยู่ต่ำกว่า 2% ในปัจจุบัน และถ้อยแถลงของประธานเฟดก็ถูกคาดอีกว่าจะมีการประกาศถึงแนวทางการประชุมเดือนก.ย.


· ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ เล็งเห็นถึงความเสี่ยงของภาวะถดถอยเท่าตัว

นางเอสเทอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ กล่าวว่า ภาวะถดถอยที่จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนก.พ. อาจกลับมากระทบเศรษฐกิจได้ หากวิกฤตไวรัสโคโรนารุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญที่จะกระทบกับแนวโน้มให้ดิ่งลงนั้นส่วนหนึ่งมาจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้น ที่อาจฉุดให้เศรษฐกิจทรุดตัว และเฟดจะทำการจับตาอย่างระมัดระวังในเรื่องดังกล่าว แต่ภาพรวมก็ยังเชื่อว่าจะเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ และคาดว่าเงื่อนไขทางการเงินในเวลานี้ค่อนข้างค่อนข้างเป็นไปอย่างเหมาะสมจากเครื่องมือที่เฟดใช้ทั้งเรื่องการปรับลดดอกเบี้ย และการหนุนสินเชื่อต่างๆ ซึ่งเฟดจะเตรียมพร้อมในการดำเนินการต่างๆหากถึงคราวจำเป็น

อย่างไรก็ดี เธอไม่ได้กล่าวถึงว่าเฟดจะดำเนินการใดๆ หลังจากที่เฟดได้ทำการปรับลดดอกเบี้ยลงมาใกล้ระดับศูนย์ รวมทั้งมีการเสริมสภาพคล่องและการปล่อยเงินกู้แก่สถาบันเมื่อไม่นานมานี้


· ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯขยายตัวได้กว่าคาด!

รายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้นเกินคาด แม้ว่าข้อมูลล่าสุดจะมีการชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย. ก็ตาม ซึ่งสะท้อนถึงการรีบาวน์ในภาคการลงทุนธุรกิจที่อาจค่อยเป็นค่อยไปจากความไม่แน่นอนของการระบาดของไวรัสโคโรนา

· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

  


ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดทะลุ 24.32 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 828,876 ราย ในส่วนของสหรัฐฯยังครองอันดับ 1 โดยผู้ติดเชื้อใกล้ทะลุ 6 ล้านรายแล้ว ล่าสุดอยู่ที่ 5,999,579 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมปรับขึ้นมาที่ 183,639 ราย

ด้านเขตฉนวนกาซาในปาเลสไตน์ เผชิญการขยายภาวะ Lockdown 72 ชั่วโมง หลังเมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อรายแรก และมีการระบาดในเขตพื้นที่ดังกล่าว โดยรายงานล่าสุดพบผู้ติดเชื้อ 26 ราย ขณะที่มียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 2 ราย


· พรรครีพับลิกันเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินที่ลดลง

เจ้าหน้าที่ทีมบริหารอาวุโส 2 ราย และอีก 3 แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับ CNBC ว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันกำลังดำเนินการร่วมกันสำหรับร่างงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในวิกฤตไวรัสโคโรนาด้วยแนวทางที่แคบลงกว่าเดิม และคาดว่าจะสามารถเปิดเผยต่อสมาชิกสภาคองเกรสได้เร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้

โดยที่พรรครีพับลิกันกำลังรวบรวมข้อเสนอ 5 แสนล้านเหรียญ เพื่อให้เกิดการสนับสนุนของทั้งสองฝ่าย อันประกอบไปด้วยการขยายประกันคนว่างงาน, การปล่อยเงินกู้ภาคธุรกิจขนาดเล็กรอบใหม่, การสนับสนุนสถานศึกษา และการทดสอบ COVID-19 ทั้งเรื่องกระบวนการรักษาและพัฒนาวัคซีน แต่แผนดังกล่าวนี้จะไม่รวมไปถึงการจ่ายเงินโดยตรงแก่ชาวสหรัฐฯอื่นๆ

ทั้งนี้ ในส่วนของเงินสวัสดิการคนว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 300 – 400 เหรียญ/สัปดาห์ ซึ่งน้อยกว่าที่เคยอนุมัติในเดือนมี.ค. ที่ระดับ 600 เหรียญ/สัปดาห์ ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งที่พรรคเดโมแครตต้องการให้คงยอดเงินดังกล่าวไว้เท่าเดิมหลังจากที่มาตรการฉบับแรกนั้นหมดอายุไปเมื่อสิ้นเดือนก.ค.


· ทำเนียบขาว ระบุ ทรัมป์อาจมีการดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงคนตกงานนับพันของสายการบิน

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจมีการลงนามคำสั่งฉุกเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงสายการบินที่จะปลดคนงานออกนับพันราย ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวนี้มีขึ้นหลังจากที่บริษัท American Airlines เผยแผนที่จะปลดคนงงานออก 19,000 รายในเดือนต.ค.นี้ หลังจากที่มาตรการช่วยเหลือกลุ่มสายการบินจะหมดอายุลงในเดือนต.ค.

ทั้งนี้ หากสภาคองกรสไม่สามารถดำเนินการร่วมกันได้ ประธานาธิบดีสหรับฯก็น่าจะเป็นคนจัดการเองเพื่อแก้ไขปัญหานี้ และคาดหวังว่าเราจะสามารถช่วยสายการบินและรักษาคนงานที่เผชิญกับภาวะว่างงานในเวลานี้ได้

สหพันธ์แรงงานกลุ่มสายการบินและฝ่ายบริหารต่างๆ มีการเรียกร้องให้สภาคองเกรสมีการขยายงบช่วยเหลือ 2.5 หมื่นล้านเหรียญ ที่ช่วยป้องกันแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่มีถึง 30 ก.ย.นี้ออกไปก่อน


· สหรัฐฯพุ่งเป้าเจ้าหน้าที่และภาคบริการของจีน ท่ามกลางข้อพิพาททะเลจีนใต้

สหรัฐฯทำการประกาศรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำจำนวน 24 แห่ง พร้อมกับบุคลากรของจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งก่อสร้างและการดำเนินการทางทหารในบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯมีการคว่ำบาตรจีนต่อข้อพิพาททางทะเล


· การประชุม World Economic Forum จะเลื่อนการประชุมประจำปีที่กรุงดาวอสออกไปจนถึงประมาณช่วงซัมเมอร์ปี 2021


· ข้อมูลจาก CPB World Trade Monitor ระบุว่า มูลค่าการค้าทั่วโลกดีดตัวขึ้น 7.6% ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากรัฐบาลของประเทศทั่วโลกเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังประกาศใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในช่วงต้นปีนี้ โดยมูลค่าการค้าของเกือบทุกประเทศทั่วโลกมีการขยายตัวในเดือนมิ.ย.


· นักบริหารเงินประเมินกรอบเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 31.10-31.35 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ ขณะที่ตลาดเริ่มเปิดรับความเสี่ยงจากการที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนเริ่มมีความคืบ หน้า นอกจากนี้วันนี้ต่างชาติซื้อพันธบัตรเยอะมากประมาณ 17,000 ล้านบาท

สำหรับวันนี้ ตลาดรอฟังถ้อยแถลงของนายเจอโรม พา วเวล ประธานเฟด เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในการประชุม ประจำปี ที่เมืองแจ็กสัน โฮล


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดงาน "Thailand Focus 2020 : Resiliency to Move Forward" รูปแบบ virtual conference ครั้งแรก เริ่มแล้ววันนี้ โดย รมว. คลังตอกย้ำความน่าสนใจในการลงทุนในไทยในยุคความเปลี่ยนแปลงใหม่ และมีบจ.53 บริษัท ให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนสถาบัน 193 ราย จาก 95 สถาบันทั่วโลกสะท้อนตลาดทุนไทยยังน่าสนใจในสายตาผู้ลงทุนต่างประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

- รมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "Navigating through global uncertainties: Thailand's opportunities for transformation" ในงาน "Thailand Focus 2020 : Resiliency to Move Forward"ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับมาอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง และมองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/63 จะเป็นไตรมาสที่มีเศรษฐกิจต่ำที่สุด ก่อนจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนในปีหน้า โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 64 จะกลับมาขยายตัวได้ในระดับ 4-5%

- กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเปิดงาน Thailand Focus 2020: Resiliency to Move Forward ว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ความกังวลเรื่องการระบาดของโควิด–19 และภาวะของเศรษฐกิจโลกทำให้ตลาดทุนปั่นป่วน ดัชนี SET ร่วงลงอย่างรุนแรงในเดือนมี.ค.และเม.ย.ที่ผ่านมา แต่ด้วยปัจจัยแห่งความแข็งแกร่งทนทานของตลาดทุน

ไทย ทำให้สามารถผ่านพ้นช่วงยากลำบากนั้นมาได้ด้วยดี โดยดัชนี SET ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากผู้ป่วยโควิดรายแรกที่ยืนยันในประเทศ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.63 ทำให้ดัชนี SET ร่วงลงถึง 37% และดีดกลับมาในปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และแตะระดับใกล้กับก่อนวิกฤตในเวลาเพียงไม่กี่เดือน

- รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ค.63 ที่หดตัว -14.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องชะลอตัว แต่เป็นการหดตัวที่น้อยกว่าเดือนก่อน สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและกำลังทยอยฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับปกติในช่วงก่อนโควิด-19 ภายใต้เงื่อนไขว่าประเทศไทยจะไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2

- รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการจดทะเบียนธุรกิจในเดือนก.ค.63 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ 5,667 ราย เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.63 ลดลง 1% และเทียบเดือนก.ค.62 ลดลง 12% เนื่องจากคนยังกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ชะลอการทำธุรกิจใหม่ แต่ถือว่าทิศทางเริ่มดีขึ้นจากการระบาดในช่วงแรกๆและมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นต่อเนื่อง


อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com