• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 5 สิงหาคม 2563

    5 สิงหาคม 2563 | SET News
    

· หุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสาน ท่ามกลางการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯและการค้าสหรัฐฯ-จีน

ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานกันในวันนี้ ท่ามกลางเเหล่านักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับมาตรการเยียวเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา รวมทั้งการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิด ลดลง 0.6% ที่ระดับ 0.6% ที่ระดับ 6,001.30 จุด

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้น 0.6%


· หุ้นญี่ปุ่นร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ จากผลประกอบการและการแข็งค่าของค่าเงินเยน

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงจากระดับสูงสดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากรายงานผลประกอบการภาคบริษัทที่ออกมาลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และการปรับแข็งค่าของค่าเงินเยนที่กดดันภาคการส่งออก

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.26% ที่ระดับ 22,541.85 จุด ด้านดัชนี Topix ลดลง 0.04% ที่ระดับ 1,554.71 จุด

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปรับตัวเพิ่มขึ้น 37% จากระดับต่ำสุดของปีนี้ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อไม่นานมานี้มีความพยายามที่จะทะลุแนวต้านบริเวณ 23,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนหันมาระมัดระวัง

การลงทุนหลังจากที่เผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและประเทศอื่นๆ


· หุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น จากนักลงทุนหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว

ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากเหล่านักลงทุนยังคงคาดหวังว่าจะมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคบริการยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.2% ที่ระดับ 3,377.56 จุด ด้านดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 เพิ่มขึ้น 0.03%

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาธนาคารกลาง บอกกับสื่อท้องถิ่นว่าไม่จำเป็นที่จะต้องปรับนโยบายการเงิน เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังดำเนินไปได้ดี โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 2% ในปีนี้



· หุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังการรายงานผลประกอบการ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาของสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการประกาศข้อมูลผลประกอบการของบริษัท ขณะที่ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาจากผลกระทบไวรัสโคโรนาของสหรัฐฯ

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.5% ด้านหุ้นค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.2% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัท ยังคงเป็นจุดสนใจที่สำคัญสำหรับนักลงทุนในยุโรปโดยวันนี้จะมี Commerzbank, BMW, Deutsche Post และ Allianz


อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

· คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 63 หดตัวเพิ่มขึ้นเป็น -9% ถึง -7% จากเดิม -8% ถึง -5% เนื่องจากมีความเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยในช่วงข้างหน้ายังขาดแรงขับเคลื่อนสำคัญ จากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ขณะที่มาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังจะสิ้นสุดลง และ สถานการณ์การจ้างงานยังเปราะบาง

ทั้งนี้ กกร.ปรับคาดการณ์การส่งออกหดตัวเพิ่มขึ้นเป็น -12% ถึง -10% จากเดิม -10% ถึง -7% ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคง คาดการณ์เดิมที่ -1.5% ถึง -1%

· ตลาดหลักทรัพย์ประกาศยกเลิกเกณฑ์มาร์เก็ตแคปหุ้นไอพีโอเข้าเทรดในตลาดเอ็มเอไอ พร้อมเพิ่มเกณฑ์รับหุ้นโครงสร้างพื้น

ฐานมูลค่าต่ำกว่า 2,000 ล้านแทน หวังเอื้อโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งระดมทุน มีผลบังคับใช้ 17 ส.ค.นี้

· เลขาธิการสำนักงานคณะกรรม การนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ สกพอ. ประชุมทางไกลร่วมกับเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ 20-30 ประเทศ เพื่อขอให้ทูตไทยช่วยดึงการลงทุนจากบริษัทที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะบริษัทที่มีเทคโนโลยีที่ตรงตามความต้องการของไทย เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5จี ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และการดูแลสุขภาพ และการพัฒนาเมือง เพื่อเข้ามาลงทุนยังพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี


อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

· "กนง." มติเอกฉันท์ คง "ดอกเบี้ย" 0.5% พร้อมคาดเงินเฟ้อปีนี้ติดลบ ก่อนกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายปี 2564

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ในการประชุมครั้งที่ 5/2563 กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี

กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงการกลับแพร่ระบาดระลอกสอง ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มติดลบในปีนี้ แต่มีแนวโน้มกลับสู่กรอบในปี 2564

· เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 63 ที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทย พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 7 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 3,328 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ที่เข้าพักอยู่ใน State Quarantine ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 58 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3,144 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 126 ราย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com