• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2563

    24 กรกฎาคม 2563 | Gold News
 

ทองขึ้นใกล้แตะ 1,900 เหรียญ จากดอลลาร์อ่อน, หวังมีกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม, SPDR ซื้อต่อเนื่อง

· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% ใกล้แนว 1,900 เหรียญ โดยเมื่อคืนนี้ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.8% ที่ 1,886.09 เหรียญ หลังไปทำสูงสุดตั้งแต่ก.ย.ปี 2011 ที่ 1,897.91 เหรียญ ท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์และความหวังที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างานรายสัปดาห์ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิด +1.3% ที่ 1,890 เหรียญ

· กองทุนทองคำ SPDR ยังคงเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง 4 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ซื้อทองคำเพิ่มอีก 2.04 ตัน ปัจจุบันเพิ่มการถือครองมาที่ระดับ 1,227.05 ตัน ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ 18 มี.ค. ปี 2013


· ดัชนีดอลลาร์วานนี้ปรับอ่อนค่าลงอีก 0.3% และมีการทำต่ำสุดรอบ 2 ปี แถวระดับ 94.54 จุด จึงช่วยหนุนราคาทองคำ และการที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางต่างๆ ก็ดูจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ทองคำปีนี้ภาพรวมปรับขึ้นได้ประมาณ 24%


· นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered ระบุว่า เหตุผลที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นคือการที่ดัชนีดอลลาร์มีการอ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 2 ปี ควบคู่กับอัตราผลตอบแทนแท้จริงที่มีการปรับตัวลง ประกอบกับคาดการณ์เกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความตึงเครียดทางการเมืองที่ยังทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น


· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 เดือน จึงบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา


· จีนถือว่าการกระทำของสหรัฐฯในการสั่งปิดสถานกงสุลนครฮูสตันสัปดาห์นี้ ถือเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันขั้นรุนแรง และจีนพร้อมจะตอบโต้ขั้นเด็ดขาดโดยปราศจากรายละเอียดใดๆ


· นักวิเคราะห์จาก ED&F Man Capital Markets กล่าวว่า ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานล่าสุดเป็นตัวบอกคุณว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจต้องใช้เวลานานกว่าที่จะกลับมาได้


· ซิลเวอร์ปิด -2.2% ที่ 22.52 เหรียญ จากแรงเทขายทำกำไรหลังราคาทำสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีช่วงต้นตลาด


· ราคาพลาเดียมปิด -0.2% ที่ 2,142.79 เหรียญ และแพลทินัมปิด -1.1% ที่ 911.53 เหรียญ


· ว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งแรกรอบ 4 เดือน


เมื่อคืนนี้การประกาศข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯปรับขึ้นสูงกว่า 1.4 ล้านราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกตลอดช่วง 16 สัปดาห์

การปรับขึ้นดังกล่าวดูจะสะท้อนว่าการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาดูจะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และสถานการณ์ล่าสุดก็ดูจะเป็นการยากที่จะทำให้ประชาชนกลับมามีงานทำ รวมทั้งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ


· สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันเผยทราบข้อเสนอแพ็คเกจไวรัสโคโรนาสัปดาห์หน้า

นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯจะทำการเปิดเผยข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือรอบใหม่ในสัปดาห์หน้า อันประกอบด้วย การจ่ายตรงแก่ชาวอเมริกา และการขยายมาตรการสวัสดิการคนว่างงาน โดยคาดต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการทบทวนรายละเอียด แต่คาดว่าน่าจะเปิดเผยได้ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตได้เริ่มต้นหารือร่วมกันมาตลอดช่วง 4 วันทำการนี้ โดยยังไม่มีรายละเอียดใดตามที่นายทรัมป์ต้องการที่จะเห็นการปรับลดภาษีเพิ่มเติม


· ยอด Balance Sheet เฟดสูงกว่า 7 ล้านล้านเหรียญ

รายงานจากสำนักข่าว Reuters ในเช้านี้ พบว่า เฟดมีการอัดฉีดเงินกู้ฉุกเฉินอีก 2 ล้านเหรียญ เข้าสู่ภาคธุรกิจสหรัฐฯในสัปดาห์นี้เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่ได้รับจากวิกฤตไวรัสโคโรนา ขณะที่ภาพรวมยอดงบดุลของเฟดมีการเพิ่มขึ้นในระดับปานกลางต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 และกลับมาอยู่เหนือ 7 ล้านล้านเหรียญ

ขณะที่การดำเนินการปล่อยเงินกู้ภายใต้โครงการ Main Street Lending Program ปรับตัวขึ้นมาแตะ 14 ล้านเหรียญแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จากระดับ 12 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อน ซึ่งรูปแบบโครงการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบที่เกิด

อย่างไรก็ดี ข้อมูลเมื่อวันที่ 22 ก.ค. แสดงให้เห็นว่า ยอดรวมของงบดุลบัญชีเฟดปรับขึ้นอีก 6.1 พันล้านเหรียญ และมีการถือครองที่ระดับ 7.01 ล้านล้านเหรียญ


· ปอมเปโอเรียกร้องให้มีแนวทางดำเนินการกับจีนเพิ่มขึ้น

นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวถึงเป้าหมายใหม่ที่จะดำเนินการกับจีน โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯและชาติพันธมิตรมีการใช้วิธีการตอบโต้ที่สร้างสรรค์และมีความแน่วแน่มากขึ้น เพื่อกดดันจีน


· จีนลั่น “ต้องโต้กลับ” หลังสหรัฐฯสั่งปิดสถานกงสุลในนครฮูสตัน

จีนถือว่าการกระทำของสหรัฐฯในการสั่งปิดสถานกงสุลนครฮูสตันภายในเวลา72 ชั่วโมงนั้น ถือเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันขั้นรุนแรง และจีนพร้อมจะตอบโต้ขั้นเด็ดขาดโดยปราศจากรายละเอียดใดๆ

อย่างไรก็ดี สื่อต่างประเทศมีรายงานว่า จีนอาจทำการสั่งลดเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯประจำฮ่องกงเพื่อตอบโต้ ขณะที่ South China Morning Post เผย รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาเตรียมสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่ของสหรัฐฯ ณ เมืองเฉิงตู ในมณฑลเสฉวน นอกจากที่พิจารณาจะปิดในเมืองอู่ฮั่น, กวางโจว, เสิ่นหยาง และเซี่ยงไฮ้ อันรวมถึงพิจารณาอีกสองแห่งที่มาเก๊าและฮ่องกง รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงปักกิ่ง

· นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระหว่าง 31.60 - 31.80 บาท/ดอลลาร์ โดยมีแรงซื้อค่าเงินดอลลาร์กลับเข้ามา ทำให้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง ขณะที่ Flow ธุรกรรมทองคำยังคงค่อนข้างเยอะ ทั้งนี้ ตลาดยังติดตามประเด็นความสัมพันธ์ ระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยต้องจับตาดูท่าทีของทั้งสองฝ่าย

· ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าตามที่มีข่าวว่าประเทศไทยและไต้หวันอาจจะถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯจับตาว่าเป็นประเทศที่มีการแทรกแซงค่าเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ นั้น ขอเรียนว่า ธปท.ได้หารือกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯมาอย่างต่อเนื่องเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดการเงินโลก พัฒนาการของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทย และความจำเป็นของ ธปท.ที่ต้องเข้าดูแลเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินในบางช่วงจังหวะเวลาที่มีเงินทุนไหลเข้าอย่างเฉียบพลันจากการปรับมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์ในตลาดการเงินโลกและในประเทศอุตสาหกรรมหลัก


อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com