• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 กรกฎาคม 2563

    3 กรกฎาคม 2563 | Economic News
  

·         ค่าเงินดอลลาร์ยังคงยืนแข็งค่าเล็กน้อย ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื่อไวรัสที่สูงขึ้นกดดันความต้องการความเสี่ยงให้ต่ำลง

ค่าเงินดอลลาร์ซื้อขายในกรอบแคบในวันศุกร์นี้ สนับสนุนโดยปัจจัยการไหลเข้าในสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ กดดันให้นัดลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากขึ้น

ถึงแม้ในวันพฤหัสที่ผ่านมา การประกาศตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯจะปรับตัวดีขึ้นกว่าคาดในเดือนมิถุนายน แต่ยังไม่มีตอบสนองของตลาดค่าเงินที่เด้นชัด เนื่องจากแรงกดดันจากความกังวลตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นในสหรัฐฯที่อาจส่งผลให้การเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัดอีกครั้

ในขณะที่ค่าเงินหยวนยังคงทรงตัว ท่ามกลางความกังวลกรณีความขัดแข้งระหว่างสหรัฐฯและจีน ในเรื่องกฏหมายความมั่นคงที่บังคับใช้ในฮ่องกง


·         สหรัฐฯสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ โดยการลดค่าเงินดอลลาร์ นักวิเคราะห์กล่าว

ที่ปรึกษาอิสระด้านเศรษฐกิจมหภาค นาย ฮิวจ์ เฮนรี กล่าวว่า QE หรือนโยบายทางการเงินในเชิงปริมาณแบบผ่อนคลาย ที่ธนาคารเข้าซื้อสินทรัพย์เช่นพันธบัตรรัฐบาลเพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจนั้นไม่ได้ผล

 

โดยกล่าวต่อไปว่า QE นั้นมีจุดบกพร่องบางประการ คือ การขยายเงินทุนสำรองของธนาคารกลางและพยายามบอกกับทุกคนว่าธนาคารกลางกำลังพิมพ์เงินจริงๆนั้น เป็นเรื่องหลอกลวง ทั้งนี้ ปัญหาที่แท้จริงคือ การขาดแคลนเงินดอลลาร์ในตลาดโลก

 

แทนที่จะตั้งเป้าการซื้อพันธบัตรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางควรจะเข้าไปโฟกัสที่มูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐมากกว่า

 

เขาแนะนำว่า ควรจะทำให้ดอลลาร์เป็น New gold standard เปรียบเสมือนมาตรฐานทองคำใหม่เทียบกับอดีต และควรจะตั้งเป้า Dollar index ตกลงไปอยู่ที่ระดับ 60 หรือ 70 จุด

 

·         ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสหรัฐฯพุ่งรายวันแตะ 55,000 ราย ทำสถิติมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ของโลก

สหรัฐฯมีรายงานล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่วันเดียว 55,000 รายเมื่อวานนี้ โดยเป็นระดับการเพิ่มขึ้นรายวันของโลกที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยยอดรายวันล่าสุดอยู่ที่ 55,274 ราย เพิ่มขึ้นมากกว่าบราซิลที่ยอดรายวันอยู่ที่ 54,771 รายเมื่อ 19 มิ.ย.

 

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดยังขยายวงกว้างกว่า 37 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐของสหรัฐฯ นำโดยรัฐฟลอริด้า ซึ่งยืนยันผู้ติดเชื้อกว่า 10,000 รายวานนี้ และมียอดรายวันที่เพิ่มมากที่สุดสูงกว่าทางแถบยุโรปเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งกลายมาเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางการแพร่ระบาดพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 37% ขณะที่ทางโรงพยาบาลตรวจพบ 56% จากช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมา



·         จีนขู่สหรัฐใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ในกรณีสหรัฐร่างกฎหมายตอบโต้ทางการจีนเรื่องกฏหมายความมั่นคงฮ่องกง


จีนขู่สหรัฐจะใช้ทุกมาตรการตอบโต้ที่จำเป็น หากสหรัฐฯยังคงเดินหน้าร่างกฎหมายบทลงโทษปรับธนาคารที่ธุรกรรมกับรัฐบาลจีน ในกรณีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง

 

·         ไต้หวัน เปิดสำนักงานไต้หวัน-ฮ่องกง เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องการลี้ภัยจากฮ่องกงมายังไต้หวัน

ไต้หวัน เปิดสำนักงานไต้หวัน-ฮ่องกง วัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องการลี้ภัยจากฮ่องกงมายังไต้หวัน

 

การเปิดสำนักงานช่วยเหลือดังกล่าวเกิดขึ้น 1 วันหลังจากการกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงมีผลบังคับใช้ ถือเป็นการฉีกหน้ารัฐบาลฮ่องกง

 

สำนักงานไต้หวัน-ฮ่องกง จะให้ความช่วยเหลือสำหรับชาวฮ่องกงในด้านการศึกษาการจ้างงานการลงทุนการประกอบการธุรกิจการย้ายถิ่นฐาน และการเป็นพลเมืองในไต้หวัน

 

การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความกังวลว่า ไต้หวันอาจจะเป็นรายต่อไปที่ถูกควบคุมเช่นเดียวกับฮ่องกง โดยทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไต้หวันกล่าวว่า หากทางการจีนสามารถยึดอิสรภาพและสิทธิมนุษยชนจากฮ่องกงได้ เขาคิดว่าไต้หวันจะเป็นรายต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่าง จีนกับไต้หวันมีความซับซ้อน ชาวไต้หวันมีความตื่นตัวและกังวลมากขึ้นกับทางการจีน ตั้งแต่เกิดเหตุประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่เริ่มขึ้นในปีก่อน


·         ตัวเลขยอดขายค้าปลีกของสิงคโปร์ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ บ่งชี้ถึงผลกระทบจากการปิดเมือง

ตัวเลขยอดขายค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือนพฤษภาคม ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ 1986 บ่งชี้ เศรษฐกิจถูกกระทบอย่างรุนแรงจากการปิดเมืองมากกว่าที่คาดไว้ โดยตัวเลขดังกล่าวลดลงกว่า 52.1% ในเดือนพฤษภาคม เทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าคาดการณ์เฉลี่ยที่บลูมเบิร์กสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ที่ 47.1%

 

·         ความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยในสหรัฐลดต่ำลงสองสัปดาห์ต่อเนื่อง ส่งสัญญาณการชะลอตัวของการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย

ยอดสมัครสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตกลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยลดลง 1% จากสัปดาห์ก่อน


ความต้องการรีไฟแนนซ์ ซึ่งผันผวนตามอัตราดอกเบี้ย ปรับตัวลดลงเช่นกัน 2 % จากสัปดาห์ก่อน แต่ยังคงสูงขึ้น 74% เมื่อเทียบกับปีก่อน

 

·         ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนญี่ปุ่นเดือนพ.ค. และยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรปรับตัวลงได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

ยอดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนและคำสั่งซื้อเครื่องจักรญี่ปุ่นมีแนวโน้มหดตัวลงต่อในเดือนพ.ค.  จากหลักฐานบ่งชี้ว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการหดตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากวิกฤตไวรัสโคโรนาได้เข้ากระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก และการที่ภาคธุรกิจต่างๆยังคงปิดทำการ

 

ยอดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนคาดว่าจะร่วงลงไป 12.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียกับปีก่อน และอาจปรับตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เริ่มเก็บในปี 2001

 

·         ธนาคารกลางมาเลเซีย เล็งลดดอกเบี้ยอีกครั้งจากการระบาดของไวรัส

ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) ถูกคาดว่าจะทำการหั่นดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์หน้า อย่างน้อย 0.25% สู่ระดับ 1.75% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 7 คน จาก 12 คน มองว่าน่าจะลดดอกเบี้ยลงไปมากถึง 0.50%

 

อย่างไรก็ดี มีนักเศรษฐศาสตร์อีกประมาณ รายคาดอาจเห็น BNM คงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.00% ซึ่งก็ถือเป็นระดับต่ำสุดประวัติการณ์ หลังจากที่ปรับลดดอกเบี้ยลงมาแล้ว ครั้งในการประชุมปีนี้

 

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากที่เพิ่มขึ้นไปในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดผู้คิดเชื้อจากไวรัสโคโรนาทั่วโลกและในสหรัฐฯ

จึงเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงที่อาจหยุดชะงัก

 

อ้างอิงจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายวันทั่วโลกและสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้น โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 50,000 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 

 

ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 35 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.8% ที่ระดับ 42.79 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 35 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.9% ที่ระดับ 40.30 เหรียญ/บาร์เรล

 

ทั้งนี้ น้ำมันดิบทั้งสองชนิดปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% เมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าที่คาด รวมทั้งการปรับตัวลงของสห็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 4.3% ด้านน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 4.7%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com