• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2563

    30 มิถุนายน 2563 | Economic News
  

· ค่าเงินสกุลสินทรัพย์ปลอดภัยอ่อนตัวลงจากสัญญาณการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยง

ค่าเงินในหมวดสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจที่ดูจะช่วยสนับสนุนกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเงินหยวนและค่าเงินออสซี่ แม้ว่าตลาดจะมีความกังวลเกี่ยวกับแผนงบค่าใช้จ่ายสาธารณะของอังกฤษที่ยังคงเป็นแรงกดดันต่อค่าเงินปอนด์

ตลาดกลับมาให้ความสนใจของข้อมูลเศรษฐกิจหลังจากที่ยอดรออนุมัติขายบ้านในสหรัฐฯปรับตัวขึ้น สะท้อนว่ากิจกรรมในตลาดที่อยู่อาศัยมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในเดือนพงค. หลังจากที่ดิ่งไปในยุคการระบาด

ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 107.7 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ไปทำอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ 107.885 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1244 ดอลลาร์/ยูโร หลังไปทำแข็งค่ามากสุดวานนี้ และในช่วงปิดไตรมาสแบบนี้กลุ่มภาคบริษัทต่างต้องการปรับแต่งงบ จึงทำให้เราเห็นการผันผวนของตลาดค่าเงิน

เงินปอนด์ทรงตัวแตะ 1.2297 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่อ่อนค่าไปทำต่ำสุดรอบ 1 เดือนที่ 1.2252 ดอลลาร์/ปอนด์เมื่อวานนี้ อันเนื่องจากความกังวลว่ารัฐบาลอังกฤษจะมีการชำระแผนโครงสร้างพื้นฐานตามที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษให้สัญญาไว้อย่างไร ประกอบกับตลาดยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างอังกฤษและอียู ที่ดูจะมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายในอนาคต

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 97.444 จุด ขณะที่ประธานเฟดกล่าวถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนอย่างมาก และทั้งหมดจะขึ้นกับการควบคุมการระบาดของไวรัสคโรนาและความพยายามของภาครัฐในการสนับสนุนการฟื้นตัว

· FXStreet | ทิศทางเยนในสภาวะ Risk-on

ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงจากระดับอ่อนค่าเมื่อไม่นานมานี้ มาทรงตัวบริเวณ 107.65 เยน/ดอลลาร์ โดยในระยะสั้นๆยังคงมีสัญญาณการอ่อนตัวอยู่บ้าง หลังมีการปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Retracement 38.2% แนว 107.5 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่กราฟราย 4 ชั่วโมงจะเห็นถึงการที่ค่าเงินเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20SMA ในทางเทคนิคเงินเยนยังมีโอกาสแข็งค่ากลับลงมาได้ หลังจากที่ระดับค่าเงินปรับลงมาจาก 107.95 เยน/ดอลลาร์ที่กลายมาเป็นแนวต้านในปัจจุบัน

แนวต้าน: 107.95 108.30 108.65

แนวรับ: 107.50 107.10 106.70


· “โพเวลล์” และ “มนูชิน” พบคองเกรสอีกครั้งเพื่อหารือถึงการรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนา

วันนี้บรรดาส.ส. สหรัฐฯจะได้โอกาสในการร่วมหารือกับนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของมาตรการฉุกเฉินในการช่วยเหลือเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านเหรียญ จาผลกระทบของไวรัสโคโรนา

เฟดและกระทรวงการคลังต่างก็ให้การสนับสนุนโครงการต่างๆในการฟื้นฟูสินเชื้อ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางจำนวนคนตกงานนับล้านราย อันรวมถึงโครงการ Main Street Lending ในการช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลางด้วย

ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯมีการสนับสนุนโครงการ Paycheck Protection Program (PPP) ในวงเงิน 6.6 แสนล้านเหรียญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยพยุงภาคธุรกิจขนาดเล็ก และให้มีการจ้างงานได้ต่อ

นายโพเวลล์ และนายมนูชินจะมีการกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเวลา 23.30 น. ตามเวลาไทย เพื่อหารือถึงแนวทางของกองทุนต่างๆ ในการจัดสรรแก่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจต่างๆ

อย่างไรก็ดี นายโพเวลล์ และนายมนูชินจะกล่าวแถลงการณ์เกี่ยวกับการรับมือทางเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตไวรัสโคโรนา

· รัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัสพบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รัฐแอริโซนาพบยอดติดเชื้อลดลง

รายงานล่าสุดจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า รัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐเท็กซัสต่างก็เป็นเขตรัฐที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เมื่อวานนี้ โดยเฉพาะเมืองลอสแอนเจลลิสที่มีสัญญาณเตือนถึงการเพิ่มขึ้นเพียงวันเดียวอย่างมาก โดยที่ลอสแอนเจลลิสถือเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 2 ของสหรัฐฯ ที่พบผู้ติดเชื้อทะลุ 100,000 ราย

ลอสแองเจลลิส กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดใหม่จากยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ และการเพิ่มขึ้นตามรายงานจากโรงพยาบาล แม้ว่าผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียจะมีคำสั่งให้ปิดบาร์และแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากเวลาอยู่ในพื้นที่สาธารณะก็ตาม ขณะเดียวกันก็มีการสั่งปิดชายหาดในลอสแอนเจลลิสในวัน Independence Day ช่วงปลาสัปดาห์นี้ รวมทั้งห้ามการแสดงดอกไม้ไฟ

The New York Times มีรายงานว่า เมื่อวานนี้มีอัตราการเสียชีวิตในสหรัฐฯอยู่ที่ 43% ซึ่งรวมถึงผู้ที่ออกไปพักรักษาตัวที่บ้านและผู้ป่วยระยะยาว

นอกจากนี้ รายงานล่าสุดยังระบุถึงการที่ลอสแอนเจลลิส ซึ่งเป็นตลาดโรงภาพยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มีการประกาศที่จะหยุดระงับการเปิดทำการของโรงภาพยนตร์ภายในเมือง อันเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนานั่นเอง


· อินเดียได้รับอนุมัติทดลองวัคซีนไวรัสโคโรนาในมนุษย์ ซึ่งอาสาสมัครรายแรกได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของภาครัฐ ท่ามกลางอัตราการติดเชื้อในประเทศที่สูงกว่า 1.3 พันล้านราย โดยในเฟสแรกและเฟส 2 จะเป็นการทดลองตัวยา Covaxin และมีกำหนดการที่จะเริ่มต้นทดสอบวัคซีนในเดือนก.ค.นี้

อินเดียถือเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อลำดับต้นๆของโลกรองจากสหรัฐฯ, บราซิล และรัสเซีย โดยเมื่อวานนี้ในอินเดียมีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่เข้าใกล้ 20,000 ราย


· เซาธ์ออสเตรเลียมีการยกเลิกการเปิดพรมแดนหลังจากที่ยอดติดเชื้อไวรัสพุ่ง โดยจากเดิมที่มีกำหนดการจะเปิดให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง Victoria ก็อาจเลื่อนเปิดพรมแดนออกไปก่อนถึงวันที่ 20 ก.ค. เพื่อจำกัดการระบาดของไวรัส


· เยอรมนียืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสใหม่เพิ่ม 498 ราย สู่ระดับ 194,259 ราย ขณะที่มียอดเสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย รวมเป็น 8,973 ราย


· ญี่ปุ่นออกกฎควบคุมพรมแดน เพิ่มรายชื่อ 18 ประเทศที่ห้ามเข้าญี่ปุ่นอันเนื่องจากการระบาดของไวรัสเพิ่มขึ้นโดยจะมีผลตั้งแต่ 1 ก.ค. และจำนวนรวมประเทศที่ถูกแบนในการเข้าญี่ปุ่นเวลานี้มีมากถึง 129 ประเทศ


· จีนพบผู้ติดเชื้อใหม่ภายในประเทศเพิ่มขึ้น 19 ราย โดยมาจากกรุงปักกิ่ง 7 ราย


· นักวิจัยชาวจีนเตือนไวรัสตัวใหม่ที่เสี่ยงระบาดจากหมูสู่คน

ผู้เชี่ยวชาญ ระบุถึง การศึกษาวิจัยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ตรวจพบในหมูของประเทศจีน ที่อาจกลายมาเป็นการแพร่ระบาดเข้าสู่คนได้ และจำเป็นที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการระบาดของไวรัส โดยในเวลานี้พบผู้ทำงานในฟาร์มหมูเริ่มแสดงอาการและตรวจพบไวรัสในเลือด ดังนั้น จึงต้องมีการติดตามประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานในโรงค่าสัตว์ที่อาจส่งผลให้เกิดการระบาดฉุกเฉินได้


· กิจกรรมภาคโรงงานอุตสาหกรรมจีนขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การระบาดก็ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลกิจกรรมภาคโรงงานอุตสาหกรรมจีนขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. หลังจากที่รัฐบาลมีการคลาย Lockdown และเพิ่มภาคการลงทุน แต่ในส่วนของการส่งออกสินค้าก็ยังคงอ่อนตัว ทั้งหมดนี้จึงสะท้อนถึงการที่วิกฤตไวรัสโคโรนายังเป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนออกมาที่ระดับ 50.9 จุดในเดือนมิ.ย. จากเดิมในเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.6 จุด และการที่ยังยืนได้เหนือ 50 จุดยังสะท้อนถึงสัญญาณการขยายตั

การเพิ่มขึ้นของข้อมูลล่าสุดถือเป็นการขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อสินค่าใหม่เองก็มีการปรับขึ้นจาก 50.9 จุด มาที่ 51.4 จุดในเดือนพ.ค. และสะท้อนว่าอุปสงค์ภายในประเทศมีการเพิ่มขึ้นทั้งในภาคอุตสาหกรรมที่ทั้งจาก Non-Ferrous Metals ตลอดจนเครื่องมือทั่วไป และเครื่องจักรต่างๆที่มีการปรับตัวขึ้นทั้งหมด

อย่างไรก็ดี ข้อมูลยอดส่งออกยังคงหดตัวกันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 46.2 จุด เมื่อเทียบกับ 35.3 จุดในเดือนพ.ค. และข้อมูลส่วนนี้ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด


· ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นร่วงลงท่ามกลางเศรษฐกิจที่หดตัวหนักสู่ภาวะถดถอย

ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนพ.ค. แตะระดับ -8.4% สู่ระดับ 79.1 จุด เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เคยเกิดวิกฤตทางการเงินตั้งแต่มี.ค. ปี 2009 ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวขึ้นแตะสูงสุดในรอบ 3 ปี จึงตอกย้ำว่าญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา


· อัตราว่างงานญี่ปุ่นปรับขึ้นแตะ 2.9% ในเดือนพ.ค.

ข้อมูลจากรัฐบาลญี่ปุ่น พบว่า อัตราว่างงานปรับตัวขึ้นขณะที่การจ้างงานปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค. โดยอัตราว่างงานในเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้นเกินคาดแตะ 2.9% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 2.6% ด้านค่า Ratio ตำแหน่งงานใหม่ลดลง 1.2 จุดในเดือนพ.ค. จากเดิม 1.32 จุดในเดือนเม.ย. ก็ถือเป็นระดับค่า Ratio ที่ต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค. ปี 2015


· โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่าการที่จีนผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง หากมีการยืนยันการดำเนินการดังกล่าวออกมาจะถือเป็นเรื่องน่าสลดใจอย่างมาก และเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือต่อระบบการปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ”

ทั้งนี้ ทางญี่ปุ่นจะให้ความร่วมมือกับนานาประเทศที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงที่เป็นไปอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งจะมีการจับตาความสัมพันธ์ของสหรัฐฯและจีนอย่างใกล้ชิดด้วย เนื่องจากเป็นสองประเทศมหาอำนาจที่จะสร้างความผันผวนให้แก่ภูมิภาครวมทั้งความมั่นคงระดับโลกได้


· World Bank คาดเศรษฐกิจไทยหดตัวอย่างน้อย 5% ในปีนี้

เศรษฐกิจไทยถูกคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยปีนี้อาจเห็นเศรษฐกิจไทยหดตัวลงไปอย่างน้อย -5% และจะใช้เวลามากกว่า 2 ปีเพื่อให้การขยายตัวกลับมาได้ดีเท่ากับช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโคโรนา

ขณะที่ปี 2021 คาดเศรษฐกิจไทยจะโตได้ 4.1% และปี 2022 คาดโตได้ 3.6%

อย่างไรก็ดี คาดคนไทยจะว่างงานราว 8.3 ล้านราย จากวิกฤตไวรัสโคโรนาในเวลานี้ ดังนั้น ภาคแรงงานจึงมีความเสี่ยงหนัก โดยเฉพาะแรงงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและการบริการ


· ธนาคารกลางออสเตรเลียเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย กล่าวว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียจำเป็นต้องมีการพิจารณาการสนับสนุนเพิ่มเติมจากภาครัฐบาลเวลานี้ เพราะนี่อาจเป็นปัญหาได้หากภาครัฐจะทำการยุติมาตรการทางการเงินในเดือนก.ย.นี้


· น้ำมันดิบร่วงกังวลอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่ตลาดจับตาอุปทานลิเบีย

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกังวลการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่อุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเข้ากดดันตลาด ด้านบริษัทน้ำมันลิเบียเผยความคืบหน้าในการเจรจาการกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง

น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 44 เซนต์ โดยฟื้นตัวกลับได้อย่างเล็กน้อยหลังจากที่ข้อมูลการผลิตจีนออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด โดยล่าสุดปรับตัวลงเพียง 26 เซนต์ หรือ -0.7% ที่ระดับ 39.44 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนก.ย. ปรับลง 17 เซนต์ หรือ -0.2% แถว 41.68 เหรียญ/บาร์เรล 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com