• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 25 มิถุนายน 2563

    25 มิถุนายน 2563 | Economic News
  

· ความต้องการ Safe-Haven หนุนดอลลาร์ หลังยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯเพิ่มหั่นกำลังใจเห็นเศรษฐกิจฟื้นอย่างรวดเร็

ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งความตึงเครียดทางการค้าครั้งใหม่ที่ดูจะกลายมาเป็นปัจจัยกดัดนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก และทำให้นักลงทุนลดการถือครองค่าเงินในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง

ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก 0.1% แตะ 97.27 จุด ด้านยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.1246 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์อ่อนค่า 1.2411 ดอลลาร์/ปอนด์

ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายวันในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกือบ 36,000 ราย ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในช่วงปลายเดือนเม.ย. ที่ 36,426 ราย และมีอัตราเปอร์เซ็นผลตรวจเลือดที่เป็นบวกมากขึ้น

ขณะที่ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซี และคอนเนคติคัล ออกคำสั่งให้ผู้ที่มาจากอีก 9 รัฐฯที่จะเดินทางเข้าพื้นที่ต้องมีการกักตัวอย่างน้อย 14 วัน ท่ามกลางอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทางตอนใต้และตะวันออกของสหรัฐฯ

รัฐแคลิฟอร์เนียมียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในเวลาเพียง 2-3 วัน ส่งผลให้ดิสนีย์พาร์คตัดสินใจที่จะเลื่อนการกลับมาเปิดสวนสนุกและรีสอร์ตของทางโรงแรมออกไปก่อน

กลุ่มนักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจาก Second Wave น้อยกว่าการระบาดในครั้งแรก แต่บางส่วนก็กังวลว่ากลุ่มผู้กำหนดนโยบายต่างๆอาจล้มเหลวในการรับมือในเรื่องการระบาดและการช่วยเหลือเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ตลาดยังมีการรับข่าวที่ว่าสหรัฐฯกำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนแปลงภาษีสินค้ายุโรปอันเป็นส่วนหนึ่งจากข้อพิพาทเรื่องสายการบิน

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะ 0.6856 หลังร่วงลงไป 0.9% เมื่อวานนี้ ขณะที่ค่าเงินแคนาดาดอลลาร์อ่อนค่าลงมาแตะ 1.3642 จากการที่ Fitch’s Rating มีการดาวน์เกรดความน่าเชื่อถือของประเทศลงจาก AAA สู่ระดับ “AA+” อันเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ค่าเงินเยนอ่อนค่าไปแตะ 107.18 เยน/ดอลลาร์ จากระดับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 1 เดือนครึ่งที่ทำไว้เมื่อวานนี้บริเวณ 106.075 เยน/ดอลลาร์

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอ่อนตัวลงจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่ม ตลาดนใจข้อมูลเศรษฐกิจคืนนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลดลงนำโดยผลตอบแทนอายุ 10 ปีที่ร่วงลงแตะ 0.6741% ขณะที่ผลตอบแทนอายุ 30 ปีปรับลงมาที่ 1.4258% หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นทั่วสหรัฐฯ

นอกจากนี้ เวลาประมาณ 19.30น. จะมีการประกาศยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่คาดจะลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านรายโดยประมาณ

ตามมาที่ข้อมูล Final GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐฯในเวลาเดียวกัน และข้อมูลยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯด้วย

· จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสหรัฐฯพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สูงกว่า 45,500 ราย ทะลุสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในเดือนเม.ย.

รายงานจาก NBC News ระบุว่า จำนวนยอดผู้ติดเชื่อใหม่ในสหรัฐฯรายวันพุ่งสูงทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 45,557 ราย ซึ่งพุ่งขึ้นสูงกว่าที่เคยทำ Record Highs ไว้เมื่อ 26 เม.ย. ซึ่งเป็นจุดพีคแรกของการระบาดในสหรัฐฯที่มียอดรายวันสูงกว่า 9,000 ราย

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสหรัฐฯ กล่าวว่า ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากทางตอนใต้และตะวันตกของพื้นที่สหรัฐฯ ที่ดูจะได้รับการแพร่ระบาดอีกรอบจากการเฉลิมฉลอง Memorial Day ที่หลายๆภาคส่วนได้เริ่มกลับมาเปิดทำการจากการคลาย Lockdown

· ประเทศต่างๆมีแนวโน้มสูงที่จะไม่ต้องใช้มาตรการปิดเมืองแบบเต็มรูปแบบ (Full lockdown) ในกรณีเกิดการระบาดระลอก 2 (Second Wave)

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ประเทศต่างๆมีแนวโน้มสูงที่จะไม่ต้องใช้มาตรการปิดเมืองแบบเต็มรูปแบบ (Full lockdown) ในกรณีเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนารอบที่ 2 (Second Wave)

นักกลยุทธ์อาวุโสจาก Credit Suisse กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโคโรนารอบที่ 2 สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน แต่ครั้งนี้อาจจะมีความแตกต่างจากรอบแรกในเดือนมี.ค. โดยเป็นไปได้สูงว่าจะไม่มีการใช้มาตรการปิดเมืองแบบเต็มรูปแบบ ถึงแม้ตัวเลขจะการติดเชื้อโควิดในสหรัฐฯจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

นักวิเคราะห์จาก UBS Global Wealth Management ให้ความเห็นในทางเดียวกัน หนุนว่าการปิดเมืองแบบเต็มรูปแบบจะคิดเป็นค่าใช้จ่ายสูงถึง 3 % ของจีดีพีต่อเดือน ค่าใช้จ่ายดังกล่าวสูงกระทั่งแม้ประเทศที่ร่ำรวยก็ไม่สามารถทนได้ 2 -3 เดือนนานกว่านี้

· อียูหารือเรื่องเปิดพรมแดน ขณะที่ประชาชนสหรัฐฯอาจยังถูกจำกัด

อียูกำลังหารือกันถึงวิธีการกลับมาเปิดบริเวณพรมแดนเพื่อชุบฟื้นเศรษฐกิจของยุโรป ขณะที่ผู้เดินทางบางประเทศอย่างสหรัฐฯก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกห้ามเข้าพื้นที่อยู่

30 ประเทศในยุโรปมีการตัดสินใจกันที่จะปิดพรมแดนตั้งแต่เดือนมี.ค.เพื่อจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่กฎดังกล่าวก็ได้สิ้นสุดลงในวันอังคารที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการอียู และฝ่ายบริหารของอียูมีการหารือกันว่าที่จะเปิดพรมแดนของแต่ละประเทศตั้งแต่ 15 มิ.ย. และจะค่อยๆทยอยให้มีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศหรือการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในช่วงวันที่ 1 ก.ค. แต่ภาครัฐบาลก็อาจมีการปรับทบทวนกฎเกณฑ์ดังกล่าวอีกครั้ง

· ญี่ปุ่นจะทำการยุบคณะผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสโคโรนาหลังจากที่ถูกวิจารณ์หนัก

รายงานจาก Reuters ระบุว่า ญี่ปุ่นจะมีการยุบคณะผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสโคโรนาที่เป็นที่ปรึกษาให้แก่คณะรัฐบาลของ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลังจากที่เผชิญกับเสียงวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องความโปร่งใสและการปราศจากการเป็นองค์กรอิสระ โดยที่ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อ 18,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 969 ราย แต่ก็ยังไม่พบว่าจะมีแนวทางจบการระบาดครั้งนี้ พร้อมเกิดคำถามในการรับมือของภาครัฐบาล

ล่าสุดกรุงโตเกียวพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 55 ราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง

· ราคาน้ำมันดิบลงต่อ จากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และกังวลไวรัส

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อหลังเมื่อคืนนี้ปิดปรับตัวลงไปกว่า 5% จากการที่ EIA เผยสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ และการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นสร้างความไม่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงานหรือไม่

น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 26 เซนต์ หรือ -0.7% ที่ 37.75 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 2.36 เหรียญเมื่อคืนนี้ ในส่วนของน้ำมันดิบ Brent ปรับลง 31 เซนต์ หรือ -0.8% ที่ 40 เหรียญ/บาร์เรล

· ดาวเทียมชี้ภาพโครงสร้างใหม่ของกองกำลังจีนใกล้พรมแดนแนวปะทะกันกับอินเดีย

รายงานจาก Reuters ชี้ว่า จีนมีการเพิ่มกองกำลังชุดใหม่ไปใกล้แนวปะทะกันกับอินเดียทางตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัย และยิ่งตอกย้ำความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com