• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2563

    4 มิถุนายน 2563 | Economic News

· ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงทำต่ำสุดรอบ 11 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ จึงทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ แต่เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัยในขณะที่ตลาดยังการเงินต่างๆยังมีความผันผวนอยู่

ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.22% ที่ 97.37 จุด หลังจากที่ร่วงลงไปทำต่ำสุดตั้งแต่ 12 มี.ค. ที่ระดับ 97.28 จุด

ข้อมูลจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอกว่าที่คาดในเดือนพ.ค. ยังคงสะท้อนถึงภาวะการจ้างงานที่ดีในตลาดแรงงาน ขณะที่ภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นหลังจากการระบาดของไวรัสโคโรนามีการชะลอตัว

กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมการบริการของสหรัฐฯขยายตัวได้ดีขึ้นและก้าวออกจากระดับต่ำสุดรอบ 11 ปี แม้ว่าภาคธุรกิจจะยังไม่เร่งรีบกลับมาจ้างงานในช่วงกลับมาเปิดทำการก็ตาม

ค่าเงินเยนแข็งค่า 0.3% ที่ 108.69 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดอ่อนค่าทำสูงสุดตั้งแต่ 9 เม.ย. ที่ 108.84 เยน/ดอลลาร์

ออสเตรเลียดอลลาร์หนึ่งในค่าเงินที่มี performance ดีที่สุด ปรับแข็งค่าขึ้น 0.23% ที่ 0.6910 ออสเตรเลียดอลลาร์ ซึ่งเป็นแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 3 ม.ค.

ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.4% ที่ 1.1214 ดอลลาร์/ยูโร หลังไปทำสูงสุดที่ 1.1231 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ 16 มี.ค.

กลุ่มนักลงทุนจับตาไปยังการเพิ่มการอัดฉีดเงินของทางอีซีบีวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (6.69 แสนล้านเหรียญ) ผ่านกองทุน PEPP ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนวานนี้ได้รับผลกระทบจากการหดตัวของกิจกรรมในเดือนพ.ค.ที่ออกมาแย่มาก ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณว่าสภาวะดังกล่าวกำลังสิ้นสุดลง และอาจเห็นการกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง

ค่าเงินปอนด์ทำแข็งค่ามากสุดรอบ 1 เดือนวานนี้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเรื่อง Brexit ที่เข้ามากดดันค่าเงินอยู่บ้าง


· ตลาดพันธบัตรดูจะเผชิญแรงเทขายทำกำไรออกมาหลังจากที่นักลงทุนในตลาดมีมุมมองว่าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำไปแล้วในเดือนเม.ย.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 0.77% จาก 0.7% ก่อนจะทรงตัวที่ 0.757% ซึ่งก็ยังถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ 13 เม.ย.

ข้อมูลการจ้างงานเอกเชนสะท้อนว่ามีการจ้างงานลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะติดลบอีกประมาณ 9 ล้านตำแหน่ง โดยข้อมูลเดือนพ.ค. พบการจ้างงานหดตัวเพียง -2.76 ล้านตำแหน่ง แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลกับตลาดมากนัก เนื่องด้วยตลาดรอคอยข้อมูลจ้างงานภาครัฐบาลสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนวันศุกร์มากกว่า

· นักเศรษฐศาสตร์จากเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ดอกเบี้ยติดลบอาจจำเป็นสำหรับการฟื้นตัวในรูปแบบ V-Shaped

นักเศรษฐศาสตร์จากเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจำเป็นต้องมีการใช้ดอกเบี้ยระดับติดลบ เนื่องจากดูจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความเป็นไปได้และการฟื้นตัว ดังนั้น เฟดจึงอาจจำเป็นต้องใช้ระดับดอกเบี้ยต่ำกว่าศูนย์

· วุฒิสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายยืดหยุ่นแก่ภาคธุรกิจสำหรับค่าใช้จ่ายการช่วยเหลือในสภาวะวิกฤตไวรั

เมื่อคืนนี้วุฒิสภาสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายเพื่อให้ภาคธุรกิจขนาดเล็กมีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อวิธีการจ่ายเงินกู้ ผ่านโครงการช่วยเหลือในช่วงวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยมาตรการดังกล่าวได้ถูกส่งต่อไปยังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อลงนามต่อ หลังจากที่บรรดาส.ส.ได้ทำการโหวตผ่านร่างดังกล่าวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

· เมื่อวานนี้ทีมบริหารของนายทรัมป์แบนผู้โดยสารสายการบินที่มาจากจีนเข้าสู่สหรัฐ หลังจากที่ภาคบริการในสหรัฐฯกำลังเริ่มต้นเดือนนี้ และการกระทำดังกล่าวของทีมบริหารทรัมป์มีจุดประสงค์พุ่งเป้าไปยังการสร้างแรงกดดันให้แก่จีน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่ 16 มิ.ย. และอาจมีการเพิ่มมาตรการต่างๆได้

· อีซีบีจะทำการพิจารณามาตรการเศรษฐกิจท่ามกลางข้อมูลใหม่ที่อาจบ่งชี้ถึงสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพิ่มเติม

อีซีบีถูกคาดว่าจะทำการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงวิกฤตไวรัสโคโรนาในการประชุมสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของเงินเฟ้อและการหดตัวลงอย่างต่อเนื่องทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่ที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับยูโรโซน

ในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา อีซีบีมีการเผยโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินในวิกฤตไวรัสโคโรนา (PEPP) ที่จะกำหนดวงเงินการเข้าซื้อไว้ที่ 7.5 แสนล้านยูโร (8.19 แสนล้านเหรียญ) สำหรับพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนปีนี้ และนักวิเคราะห์คาดว่าจะเห็นการเข้าซื้อที่เพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์จาก Berenberg Economics กล่าวว่า มีโอกาส 60% ที่จะเห็นอีซีบีเพิ่มการเข้าซื้อสินทรัพย์ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ และอาจเห็นการเข้าซื้อที่สูงกว่า 5 แสนล้านยูโรได้ ท่ามกลางคาดการณ์ทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่จะเป็นตัวชี้วัดการตัดสินใจ

· ประชุมจีน-อียูซัมมิทในเยอรมนีถูกเลือนออกไปจากการระบาดของไวรัส

รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนางอังเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มีการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ โดยเห็นพ้องกันในการเลื่อนการประชุมรระหว่างจีนและอียูในเดือนก.ย. ออกไปจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น แต่ยังทรงตัวต่ำกว่า 40 เหรียญ จับตาการดำเนินการของกลุ่มโอเปก

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดขึ้น 22 เซนต์ หรือ +0.6% ที่ระดับ 39.79 เหรียญ/บาร์เรล และระหว่างการซื้อขายขึ้นไปทำสูงสุดที่ระดับ 40.53 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ 6 มี.ค. ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 48 เซนต์ ที่ 37.29 เหรียญ/บาร์เรล

แม้ราคาน้ำมันดิบจะปิดปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับสงสุดของวันเหนือ 40 เหรียญ/บาร์เรล ที่เป็นสูงสุดตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากกรอบเวลาและการขยายข้อตกลงระหว่างโอเปกและชาติพันธมิตรในการปรับลดกำลังการผลิต

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังมีแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ยังมีแรงกดดันจากโรงกลั่นน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในขณะที่อุปสงค์ยังไม่ได้ปรับขึ้นตาม

การประชุม OPEC+ จะเริ่มต้นในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายการปรับลดกำลังการผลิตออกจากจากเดือนนี้ ขณะที่รายงานจาก Bloomberg ก็ยังมีความไม่แน่นอน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com