• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 2 เมษายน 2563

    2 เมษายน 2563 | Economic News


· สถานการณ์ไวรัสโคโรนาล่าสุด:

- จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 935,345 ราย

- จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 47,194 ราย

- จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 203 ประเทศ และติดเชื้อบนเรือสำราญ 2 ลำ ได้แก่ Diamond Princess และล่าสุด Holland America’s MS Zaandam

- จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯอยู่ลำดับที่ 1 ของโลก ล่าสุดมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 215,003 ราย และมีผู้เสียชีวิตสู่ระดับ 5,102 ราย

- จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีเพิ่มขึ้นแตะระดับ 110,574 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 13,155 ราย

- จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดเพิ่มอีก 120 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,771 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมสะสม 12 ราย


- รายงานจาก Bloomberg อ้างอิงแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจำนวน 3 ราย เปิดเผยถึงข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองทำเนียบขาวว่าจีนมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง

อย่างไรก็ดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯไม่ได้รับรายงานว่ารัฐบาลจีนมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงของจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในประเทศ โดยมียอดต่ำกว่าความเป็นจริง

นอกจากนี้ นายทรัมป์ เผยถึงการพิจารณาที่จะระงับเที่ยวบินท่ามกลางการระบาดอย่างหนักของไวรัสที่ทำให้เกิดคาดการณ์ที่ว่าจะมีชาวสหรัฐฯเสียชีวิตอย่างน้อย 100,000 ราย


- รายงานจาก CNBC กล่าวว่า นายทรัมป์มีการเปรียบเปรยถึงการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสเทียบกับสงครามโลก ที่ส่งผลให้ประชนชาวสหรัฐฯเสียชีวิตเรือนแสนในปีนี้


- ที่ปรึกษาทำเนียบขาว เผยว่าโอกาสการทดสอบวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาในคนกำลังดำเนินไป และคาดว่าจะสามารถออกสู่สาธารณะได้ในช่วงเวลาประมาณ 12 – 18 เดือน และสิ่งนี้อาจทำให้สถานการณ์พลิกมาเป็นบวกได้หากทำสำเร็จ โดยเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ได้ทำการทดสอบวัคซีนกับมนุษย์เป็นคนแรกและกำลังอยู่ระหว่างติดตามผล


- ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯเดือนมี.ค.ร่วงลงไปเกือบ 27% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่สถาบัน Moody’s Investors Service ชี้ว่า ยอดขายรถยนต์อาจปรับตัวลงไม่น้อยกว่า 15% ในปีนี้ พร้อมหั่นแนวโน้มยอดขายรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่ถูกคาดจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก


· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางตลาดที่เริ่มพิจารณาถึงความเลวร้ายทางเศรษฐกิจที่อาจหดตัวมากที่สุดในรอบทศวรรษจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ไปทั่วโลก ขณะที่ค่าเงินยูโรและปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นจากแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ว่าจะเห็นสัญญาณชะลอตัวของการแพร่ระบาดในบางพื้นที่บ้างก็ตาม

ขณะที่สถานการณ์ในตลาดการเงินเปลี่ยนไปเมื่อนายทรัมป์กล่าวเตือนชาวอเมริกาในวันอังคารที่ผ่านมาว่ามีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบหนักในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า จึงเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

ด้านทำเนียบขาวเผยถึงการที่ชาวสหรัฐฯมีโอกาสสูญเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาระหว่าง 100,000 – 240,000 ราย

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.7% ที่ 99.71 จุด ขณะที่นักวิเคราะห์ มองว่า ธนาคารกลางมีแรงหนุนจากการร่วมมือดำเนินมาตรการของธนาคารกลางต่างๆ ในการหยุดความผันผวนของตลาด แต่ตลาดการเงินทั้งหมดก็อาจต้องใช้เวลามากกว่านี้ที่จะเห็นผล



เมื่อวานนี้ข้อมูลจ้างงานเอกชนสหรัฐฯสะท้อนถึงการจ้างงานที่ลดลงไปกว่า 27,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการหดตัวของภาคแรงงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก.ย. ปี 2017 แต่ก็ยังออกมาดีกว่าที่คาดว่าจะมีการจ้างงานลดลงไป 150,000 ตำแหน่ง

ขณะที่ข้อมูลกิจกรรมภาคการผลิตสหรัฐฯหดตัวลงน้อยกว่าที่คาดในเดือนมี.ค. แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ทำต่ำสุดรอบ 11 ปี และยิ่งตอกน้ำมุมมองนักวิเคราะห์เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสู่ภาวะถดถอย

ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงกว่า 1% แตะ 1.0911 ดอลลาร์/ยูโร


· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงหลังจากที่ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วกว่า 13.8 ล้านบาร์ล แตะระดับ 469.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ปี 2016 ขณะที่อุปสงค์แก๊สโซลีนร่วงลงต่อ ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยที่ตลาดยังตอบรับกับข่าวของซาอุฯ และรัสเซียจะเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงนี้ จึงทำให้ Q1/2020 น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงไป 66% ถือเป็นการปรับลงรายไตรมาสที่มากที่สุด

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 17 เซนต์ หรือ -0.8% ที่ระดับ 20.31 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลงไป 1.35 เหรียญ หรือ -5.1% ที่ 24.99 เหรียญ/บาร์เรล

ระหว่างวันน้ำมันดิบ WTI ทำ Low ที่ 19.90 เหรียญ/บาร์เรล และ Brent ทำต่ำสุดที่ 21.65 เหรียญ/บาร์เรล โดยระดับต่ำสุดของน้ำมันทั้งสองชนิดนั้นเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2002


- เช้านี้สัญญาน้ำมันดิบฟิวเจอร์สเปิดปรับขึ้นได้ 5% โดยเป็นการรีบาวน์กลับหลังจากที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ แม้ว่าตลาดจะยังจับตาและเป็นกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากไวรัสโคโรนาก็ตาม โดยสัญญา WTI ฟิวเจอร์สเปิด +1.16 เหรียญ ทำสูงสุดที่ 21.47 เหรียญ/บาร์เรล


· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯทำการเชื้อเชิญบรรดาผู้บริหารน้ำมันต่างๆเข้าพบที่ทำเนียบขาวเพื่อหารือถึงแนวทางความเป็นไปได้ในการช่วยเหลือกลุ่มภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา อันรวมถึงสงครามราคาระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียด้วย

แหล่งข่าววงในยังมีการเปิดเผยกับ Wall Street Journal อีกว่า นายทรัมป์ ต้องการที่จะหาเรือทางเลือกให้แก่ภาคอุตสาหกรรม ที่รวมถึงเป็นความเป็นไปได้ในการงดเว้นภาษีนำเข้าน้ำมันจากซาอุดิอาระเบียในที่ประชุม

นอกจากนี้ นายทรัมป์ ยังคาดหวังว่าซาอุดิอาระเบียและรัสเซียจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในอีกไม่กี่วันนี้ในเรื่องกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อยุติปัญหา Price War ที่กำลังกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมน้ำมันทั่วโลก

 
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com