• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 1 เมษายน 2563

    1 เมษายน 2563 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นท่ามกลางการเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven เนื่องจากตลาดเตรียมรับมือกับโอกาสที่ภาวะวิกฤติไวรัสจะยืดเยื้อออกไปและกลายเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

โดยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย 0.2% แถว 0.6123 ดอลลาร์ และ 0.3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นิวซีแลนด์ แถว 0.5945 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่า 0.3% แถว 1.1010 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.2% แถว 107.74 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ และทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินหยวนแถว 7.0810 หยวน/ดอลลาร์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ 0.3% แถว 1.2381 ดอลลาร์/ปอนด์ ในภาพรวม ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 99.028

Goldman Sachs เมื่อวานนี้ปรับคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐฯที่แท้จริงในไตรมาสที่ผ่านมาว่าจะชะลอตัวลง 34% ชะลอตัวยิ่งกว่าคาดการณ์เดิมที่ 24%


สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา

-จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 860,170 ราย

-จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 42,344 ราย

-จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 203 ประเทศ และติดเชื้อบนเรือสำราญ 2 ลำ ได้แก่ Diamond Princess และล่าสุด Holland America’s MS Zaandam

-จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯอยู่ลำดับที่ 1 ของโลก ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 188,592 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 4,055 ราย (+2)

-จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีเพิ่มขึ้นแตะระดับ 105,792 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 12,428 ราย

-จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดเพิ่มอีก 120 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,771 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมสะสม 12 ราย


· ดัชนีวัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศจีนประจำเดือน มี.ค. จัดทำโดยภาคเอกชน Caixin/Markit ประกาศออกมาในแดนขยายตัวที่ 50.1 จุด มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 45.5 จุด เทียบกับเดือน ก.พ. ที่ 40.3 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศท่ามกลางผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ดัชนีจะประกาศออกมาในแดนขยายตัว ทาง Caixin/Markit ได้เตือนถึงแนวโน้มที่ปริมาณอุปสงค์ทั่วโลกจะยังคงอ่อนแอ จึงอาจทำให้เศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่


· รัฐบาลจีนประกาศว่าจะไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ หากสหรัฐฯประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร Huawei โดยรายงานจาก Reuters เมื่อวานนี้ระบุว่า ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯกำลังพิจารณาออกกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตชิพต้องขอใบอนุญาตหากจะใช้อุปกรณ์ของสหรัฐฯในการผลิตชิ้นส่วนและขายให้กับ Huawei

โดยมาตรการที่สหรัฐฯกำลังพิจารณาจะเป็นการจำกัดยอดขายของบริษัท TSMC ที่เป็นผู้ผลิตชิพรายหลักให้กับ Huawei ลงอย่างมีนัยสำคัญ


· ผลการสำรวจ แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของญี่ปุ่นปรับตัวลงสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2013 เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อธุกิจภาคโรงแรมไปจนถึงผู้ผลิตรถยนต์และผลักดันเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย

โดยผลสำรวจภาคธุรกิจ Tankan แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้ผลิตรายใหญ่พลิกผันในแง่ร้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เนื่องจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคบริการยังแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากนโยบายการท่องเที่ยวและนโยบายทางสังคมที่กระทบต่อการบริโภคส่งผลกระทบต่อการบริโภค


· รายงานจาก Reuters ระบุว่าญี่ปุ่นยังคงอยู่ท่ามกลางภาวะฉุกเฉินทางสุขอนามัย เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนายังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีความเป็นไปได้สูงขึ้น ที่ทางรัฐบาลจะพิจารณาประกาศให้หยุดการเรียนการสอนไปจนถึงเดือน พ.ค.


· จีนรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ออกมาที่ 36 ราย เทียบกับเมื่อวานที่รายงานออกมาที่ 48 ราย โดยในวันนี้มีเพียงรายเดียวที่เป็นการติดเชื้อจากภายในประเทศ ที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 806 ราย


· ไต้หวันประกาศปรับคาดการณ์ค่าใช้จ่ายทางสำหรับการรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสขึ้นอย่างมากสู่ระดับ 3.5 หมื่นล้านเหรียญ พร้อมระบุว่าจะบริจาคหน้ากากอนามัยจำนวน 10 ล้านชิ้นให้กับประเทศที่มีความจำเป็นต้องใช้มากที่สุด


· เยอรมนีรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ออกมาเพิ่มขึ้นถึง 5,453 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 149 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 67,366 ราย และเสียชีวิต 732 ราย


· กิจกรรมภาคการผลิตของเอเชียประจำเดือนมี.ค.หดตัวมากที่สุด เนื่องจากการระบาดของโคโรนาทั่วโลก ขณะที่ยอดส่งออกร่วงลงอย่างหนักในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งกดดันการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในจีน

ทั้งนี้ ดัชนีวัดกิจกรรมภาคอุตสาหกรรมในอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ต่างปรับร่วงลงอย่างหนัก โดยดัชนี PMI ที่ประกาศออกมาในวันนี้ ได้ตอกย้ำถึงความเสียหายที่เศรษฐกิจเหล่านี้กำลังเผชิญ ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วโลกที่พุ่งสูงกว่า 700,000 ราย ได้กดดันห่วงโซ่อุปทาน และนำไปสู่การ Lockdown ของหลายๆประเทศ


· เม็กซิโกเผย พบบุคลากรทางการแพทย์เกือบ 30 รายติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยบุคลากรเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในโรงพยาบาลทางตอนเหนือของประเทศ จึงถือเป็นภาวะวิกฤติสำหรับระบบการแพทย์ที่หนักที่สุดเท่าที่เม็กซิโกเคยเผชิญมา

ยอดรวมผู้ติดเชื้อในเม็กซิโกล่าสุดอยู่ที่ 1,215 ราย และเสียชีวิต 29 ราย ขณะที่รัฐบาลเริ่มเตือนว่าระบบพยาบาลในประเทศจะล้มเหลว หากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นใกล้เคียงกับระดับการติดเชื้อในแถบยุโรป


· ยอดค้าปลีกในเยอรมนีปรับสูงขึ้นอย่างมากในเดือน ก.พ. ท่ามกลางการกักตุนอาหารของประชาชนเนื่องจากคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะประกาศ Lockdown ประเทศเพื่อชะลอการระบาดของไวรั

โดยยอดค้าปลีกเยอรมนีในภาพรวมรายปีปรับสูงขึ้นสู่ระดับ 6.4% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.5% ส่วนในภาพรวมรายเดือนเพิ่มขึ้น 1.2%


· ราคาน้ำมันปรับลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวานที่ปรับลดลงด้วยอัตรารายไตรมาสและรายเดือนที่มากที่สุด ท่ามกลางแรงกดดันจากปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาด รวมถึงความกังวลกับภาวะสงครามราคาน้ำมันของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร

ราคาน้ำมันกำลังเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดของปี 2002 ขณะที่ภาพรวมรายไตรมาสปรับร่วงลงมากกว่า 70%

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 1.02 เหรียญ หรือประมาณ 3.9% แถว 25.33 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.35 เหรียญ หรือประมาณ 1.7% แถว 20.13 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com