• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2563

    18 มีนาคม 2563 | SET News

· ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯปรับร่วงหนักชน “limit down” ที่ 5% ท่ามกลางตลาดที่ผันผวนจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา

โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ก่อนที่จะการซื้อขายจะหยุดชะงักลง ได้ปรับลดลงไป 821 จุด บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ดัชนีดาวโจนส์คืนนี้จะเปิดลงมากกว่า 1,000 จุด ขณะที่ดัชนีฟิวเจอร์ S&P 500 และ Nasdaq-100 ต่างปรับลดลงเช่นกัน

· ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯและตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนากดดันความคาดที่จะได้รับนโยบายสนับสนุนเพื่อจะต่อสู้กับการระบาดของไวรัสดังกล่าว

โดยสินทรัพย์ Safe-haven โดยทั่วไปต่างเผชิญแรงกดดัน เนื่องจากนักลงทุนพากันลดสถานะในสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อนำกำไรไปปรับสมดุลสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของตลาดที่ขัดกับหลักทฤษฎี

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ทีไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.3% นำโดยหุ้นออสเตรเลียที่ร่วงลงไป 4.9% ขณะที่ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 1.6%

ด้านดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯลดลง 3% ในตลาดเอเชีย หลังจากที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 6% และดัชนี Dow Jones เพิ่มึข้น 5.2% หรือ 1,049 จุด

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ก่อนจะปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ ซึ่งถูกดดันจากหุ้นกลุ่ม SoftBank และหุ้นกลุ่มต่างๆ โดยดัชนี Nikkei ลดลง 1.68% ที่ระดับ 16,726.55 จุด ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.19% ที่ระดับ 1,270.84 จุด

หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดประจำ Tokai Tokyo Research Institute ระบุว่า ดัชนี Nikkei เผชิญแรงกดดันจากหุ้น Fast Retailing และกลุ่ม SoftBank ที่ลดลง 10.89% ที่ระดับ 3,246 เยน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเงินของ WeWork หลังจากรายงานว่าบริษัท Wework อาจส่งสัญญาณที่จะลดความร่วมมือกับบริษัท SoftBank

ขณะที่ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้า ลดลง 6.57% สู่ 40,900 เยนเนื่องจากการปิดสาขาของ Uniqlo ในช่วงที่มีการระบาดของไวรัส

· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวลดลง ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาที่อยู่นอกประเทศจีนทำให้เกิดความเสี่ยงกดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 1.8% ที่ะรดับ 2,728.76 จุด

ดัชนีทั้งสองปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 1% ในการซื้อขายช่วงเช้า เนื่องจากจีนส่งสัญญาณสนับสนุนตลาดการเงินเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส

นักวิเคราะห์ประจำ Vanho Securities ระบุว่า ความผันผวนในตลาดต่างประเทศอันเนื่องมาจากการติดเชื้อไวรัสและสงครามราคาน้ำมันส่งผลลบต่อตลาดทุนของจีน

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวลดลง แม้ว่ารัฐบาลตะวันตกจะให้สัญญาว่าจะปล่อยเงินหลายพันล้านเหรียญเพื่อช่วยเหลือธุรกิจและประชาชนให้รอดพ้นจากการระบาดของไวรัสโคโรนาก็ตาม

โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 2.7% ด้านหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการพักผ่อนลดลง 4% เนื่องจากตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คาดว่า รฟท.จะเปิดประมูลโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 ช่วงพร้อมกันในเดือน มิ.ย.63 ซึ่งแบ่งเป็น 3 สัญญา ได้แก่ ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มูลค่า 5,970 ล้านบาท, ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช มูลค่า 5,980 ล้านบาท และช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา มูลค่า 9,670 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาภายในสิ้นปี 63

- ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 17,310 ล้านบาท เพื่อนำไป

ใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19 และปัญหาภัยแล้ง

- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) นำร่องปรับลดดอกเบี้ยเงินเบิกเกินบัญชี (เอ็มโออา

ร์) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) จากเดิม 5.985%

ต่อปี ซึ่งอยู่ในระดับต่าสุดแล้วในระบบ เหลือเพียง 5.75% ต่อปี ต่ำที่สุดในระบบธนาคารปัจจุบัน มีผลวันที่ 19 มี.ค.63 เป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลือลูกค้าและผู้ประกอบการไทยให้ดำเนินธุรกิจการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศได้อย่างไม่สะดุด

- รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เห็นชอบให้ปรับเปลี่ยน

เกณฑ์การหยุดการซื้อขายหุ้นเป็นการชั่วคราวหรือเซอร์กิต เบรกเกอร์ จากเดิมที่กำหนดว่ากรณีที่การซื้อขายหุ้นไทยผันผวนรุนแรง โดยราคาหลักทรัพย์โดยรวมลดลงมากถึง 10% ของค่าดัชนีหุ้นที่ปิดในวันทำการก่อนหน้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ ตลท. จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 30 นาทีนั้นให้เปลี่ยนเป็นหากราคาหลักทรัพย์ลดลง 8% จึงกำหนดให้พักการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นเวลา 30 นาที

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเรียกผู้ประกอบการสินค้าอุปโภค-บริโภครายใหญ่ เช่น เครือเจริญ

โภคภัณฑ์ (ซีพี), เครือสหพัฒน์, กลุ่มบีเจซี, ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยรวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการห้างค้าปลีกสมัยใหม่ หรือโมเดิร์นเทรด

เช่น บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส ผู้ประกอบการผู้ผลิตหน้ากาก เจลแอลกอฮอล์, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อสอบถามความพร้อม กำลังการผลิต วิธีการกระจายสินค้า รวมถึงการซักซ้อมรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

กสทช. รับนโยบายรัฐบาลเชิญผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตมือถือทุกราย หารือแนวทาง Work from Home ของรัฐบาล

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (18 มี.ค. 2563) สำนักงาน กสทช. เชิญผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมือถือ) ทุกรายในประเทศ มาประชุมหารือแนวทางการสนับสนุนนโยบาย Work from Home ของรัฐบาล โดยที่ประชุมวางแนวทาง ดังนี้

1.ให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกรายต้องรักษาคุณภาพของการให้บริการไว้ให้เป็นปกติตามที่ประชาชนได้ซื้อแพ็กเกจไว้ แม้จะมีผู้ประชาชนใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้นจากนโยบาย Work from Home

2.การบำรุงรักษาระบบ ผู้ให้บริการจะต้องใช้ความระมัดระวังในส่วนนี้ให้มาก เพื่อไม่ให้กระทบกับการทำงาน Work from Home ตามนโยบายของรัฐบาลต้องหยุดชะงักลง

3.สำหรับโครงการการจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงดินที่สำนักงาน กสทช. ร่วมกับไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กำลังดำเนินการอยู่ในหลายพื้นที่ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด สำนักงาน กสทช. จะมีหนังสือแจ้งการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ให้ชะลอการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงดินไปในช่วงนี้เป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับการใช้งานของประชาชนในขณะทำงาน Work from Home

4.ขณะที่ประชาชนมีการทำงาน Work from Home มากๆ อาจมีไลฟ์สไตล์ของประชาชนในการใช้งานอินเทอร์เน็ตปริมาณมากขึ้น เช่น ดูหนัง ดูซีรีส์ ผ่านอินเทอร์เน็ต ในส่วนนี้สำนักงาน กสทช. ก็ได้ขอความร่วมมือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกรายเตรียมความพร้อมเพิ่ม CAPACITY เพื่อรองรับการใช้งานในส่วนนี้ แต่ก็อยากจะขอความร่วมมือจากประชาชนในส่วนนี้ เพื่อให้คุณภาพ ความเร็วของการให้บริการไม่โหลดขณะทำงานอยู่ที่บ้าน

“สำนักงาน กสทช. และให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมือถือ) ทุกราย พร้อมให้ความร่วมมือสนับสนุนนโยบาย Work from Home ของรัฐบาล เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงเวลาระบาดของเชื้อ COVID-19 ในขณะนี้” เลขาธิการ กสทช. กล่าว

อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุกิจ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 มีนาคม2563 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ประจำวัน

1.สถานการณ์ ถึงวันที่ 18 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.

1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 169 ราย กลับบ้านแล้ว 42 ราย เสียชีวิต 1 ราย

รวมสะสม 212 ราย

2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 17 มีนาคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 7,546 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 295 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 7,251 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 4,789 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 2,757 ราย

3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 161 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 18มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 194,584 ราย เสียชีวิต 7,894 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,881 ราย เสียชีวิต 3,226 ราย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com