MTS Help Center

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางข่าวที่ว่ายอดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอยู่ในอัตราชะลอตัวมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อของตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นทั่วทุกภาคส่วนก็ดูจะช่วยหนุนให้ 3 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นทำสูงสุดใหม่ โดยที่ S&P500 และ Nasdaq ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 3 วันทำการ และดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของวันที่ 6 ก.พ.

ดัชนีดาวโจนส์ปิด +274.46 จุด หรือคิดเป็น +0.94% ที่ระดับ 29,550.8 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.64% ที่ 3,379.38 จุด ทางด้าน Nasdaq ปิด +0.9% ที่ 9,725.96 จุด

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่รอคอยการประกาศรายงานผลประกอบการและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +0.6% ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์

· ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสาน เนื่องจากมีรายงานการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในมณฑลหูเป่ยของจีนที่ระบุถึงยอดผู้ติดเชื้อครั้งใหม่ที่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ตลาดที่เป็นบวกในช่วงแรกที่ตอบรับข่าวชะลอตัวกลับมาผันผวนอีกครั้ง

โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.13% ด้านดัชนี Topix ลดลง 0.37% ท่ามกลางหุ้นกลุ่ม Softbank ที่ยังคงได้รับกำไรอย่างต่อเนื่องหลังจากปรับเพิ่มขึ้น 0.94% ในการซื้อขายช่วงเช้าเมื่อวานนี้

ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.59% ด้านดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลียปรับตัวสูงขึ้น 0.21%

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคลื่อนไหวทรงตัว

· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ำว้ที่ระหว่าง 31.05 - 31.20 บาท/ดอลลาร์ โดยนักลงทุนจับ ตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ปี 63 เป็นปีที่ราคาทองคำทะยานขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงความขัดแย้งในสหรัฐและตะวันออกกลางและการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ล้วนแล้วแต่เป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนหันเข้ามาถือครองทองคำมากขึ้น นอกจากนี้การอ่อนค่าของค่าเงินบาทยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าราคาทองคำในตลาดโลกอีกด้วย

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การลงทุนโครงข่าย 5G ให้ครอบคลุมทั้งประเทศจะก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 450,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งลงทุนโครงข่าย 4G ซึ่งอยู่ที่ราว 255,000 ล้านบาท

- ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในเดือนม.ค.63 สคร.ได้จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% จำนวน 6,762 ล้านบาท คิดเป็น 106% ของประมาณการส่งผลให้มีเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม ณ สิ้นเดือนม.ค.63 ปีงบประมาณ 2563 จำนวน 79,149 ล้านบาท คิดเป็น 109% ของประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม หรือคิดเป็น 42% ของเป้าหมายทั้งปี (ต.ค.62 - ก.ย.63) จำนวน 188,800 ล้านบาท