• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 22 มกราคม 2563

    22 มกราคม 2563 | SET News



· ตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวขึ้น หลังจากตลาดตอบรับกับมาตรการรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลจีน และช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ขยายเป็นวงกว้างลงไปได้ แม้ตลาดหุ้นจีนในช่วงแรกของวันจะปรับลดลงไป เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยวก็ตาม

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับสูงขึ้น 0.71% ฟื้นตัวได้เกือบครึ่งหนึ่งของที่ปรับร่วงลงไปเมื่อวาน

นักวิเคราะห์จาก Saxo Capital Markets มีมุมมองว่า การฟื้นตัวของตลาดหุ้นวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้แล้วแต่อย่างใด แต่เนื่องจากยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการระบาดเป็นวงกว้าง รวมถึงรายงานที่มาจากทางการจีนก็ค่อนข้างเป็นไปในเชิงบวก และจีนก็มีจำนวนประชากรถึง 1.4 พันล้านคน นี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องรับมือกับปัญหาโรคติดต่อ

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นฟื้นตัวได้ในระดับปานกลาง หลังจากที่ปรับร่วงลงไปในวันก่อนจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะที่หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสุขภันฑ์ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากความต้องการในสินค้ากลุ่มสุขภันฑ์ที่หนาแน่น ขณะที่หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวยังคงเผชิญแรงกดดัน

· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับขึ้นหลังจากที่ดัชนีในช่วงเช้าปรับตัวลงไปกว่า 1% โดยดัชนีเสิ่นเจิ้นคอมโพเนนท์ปรับขึ้น 1.08% ที่ 11,072.06 จุด ขณะที่ดัชนีเสิ่นเจิ้นคอมโพสิตปรับขึ้น 0.724% ที่ 1,819.61 จุด และเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิด +0.28% ที่ 3,060.75 จุด

ดัชนี HSI ปิด +1.32% หลังจากที่ปรับตัวลงหนักเมื่อวานนี้ ทางด้าน นิกเกอิปิด +0.7% ที่ 24,031.35 จุด และ Topix เปิด +0.53% ที่ 1,744.13 จุด และ Kospi ของเกาหลีใต้ปิด +1.23% ที่ 2,267.25 จุด ขณะที่ S&P/ASX200 ปิด +0.94% ที่ 7,132.7 จุด




· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้นด้วยท่าทีระมัดระวัง หลังจากที่จีนเผยมาตรการรับมือกับไวรัสโคโรนาที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 9 คน โดยดัชนี Stoxx600 ปรับขึ้น 0.2% ท่ามกลางหุ้นสื่อที่ปรับขึ้น 0.5% แต่หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับลง 0.7%

ทั้งนี้ หุ้นทั่วโลกเริ่มมีการรีบาวน์ขึ้นได้บ้าง จากการที่รัฐบาลจีนมีแผนจะใช้มาตรการควบคุมการระบาดของไวรัส จึงช่วยคลายความกังวลของกลุ่มนักลงทุนในตลาด ขณะที่ภาพรวมเรื่องดังกล่าวก็ยังคงเป็นประเด็นที่ตลาดให้ความสำคัญอยู่

· ธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวถึงการจะดำเนินนโยบายการเงินในเชิงผ่อนคลายในบางช่วงเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และช่วยให้เงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายได้ โดยที่กนง. คาดว่าปีนี้เงินเฟ้อจะอยู่แถว 0.8% และน่าจะสามารถฟื้นตัวกลับสู่กรอบ 1%-3% ที่เป็นกรอบเป้าหมายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2021ขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยที่การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจโลกก็ดูจะกดดันต่อราคาพลังงานโลก



ทั้งนี้ กนง. ยังคงมีท่าทีพร้อมใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย ตั้งแต่นโยบายดอกเบี้ย ตลอดจนมาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (microprudential) และมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (macroprudential) ร่วมกันอย่างเหมาะสมและตรงจุดยิ่งขึ้น เพื่อดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน

ทั้งนี้ ธปท. มีการคงนโยบายดอกเบี้ยแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.25% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่ปรับลดดอกเบี้ยลงมาถึง 2 ครั้งในช่วงต้นปีที่แล้วเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและควบคุมการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งการประชุมกนง. จะเกิดขึ้นอีกครั้งเพื่อทบทวนแนวทางการดำเนินนโยบายในวันที่ 5 ก.พ. นี้

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ยังติดลบกันอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีบางตลาดฯเริ่มยืนได้ จากหลายปัจจัยเข้ามากดดัน ไม่ว่าจะเรื่องโรคระบาดปอดอักเสบที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่เริ่มแพร่กระจายไปหลายประเทศ ทำให้กดดันหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, สายการบิน และโรงแรม ให้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นโยบายของจีนที่ต้องการจะยกเลิกหรือลดการผลิตและการใช้พลาสติก ก็ไปกดดันหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี รวมถึงประเด็นการเสียบบัตรแทนกันในการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ทำให้วิตกว่างบประมาณ ปี 63 จะมีความล่าช้า ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับตัวลง ซึ่งหุ้น CK ได้ปรับตัวลง 4 บาท ในเวลา 4 วันทำการที่ผ่านมา

- นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนธันวาคม 2562 ส่งออกได้ 72,265 คัน ลดลง 24.26% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากสงครามการค้า โดยส่งออกลดลงเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกากลางและอเมริกาใต้ มูลค่าการส่งออก 37,595.95 ล้านบาท ลดลง 20.58% (YoY) ส่วนยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปทั้งปี 2562 อยู่ที่ 1,054,103 คัน เป็นการส่งออกลดลง 7.59% จากปี 2561 แต่มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1,000,000 คัน จำนวน 54,103 คัน มีมูลค่าการส่งออก 545,967.56 ล้านบาท ลดลง 8.21%

- นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.62 อยู่ที่ระดับ 91.7 ปรับตัวลดลงจาก 92.3 ในเดือน พ.ย.62 เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงจากความกังวลต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรงทำให้กระทบต่อผลผลิตและรายได้ของภาคเกษตร สะท้อนจากคำสั่งซื้อและยอดขายของสินค้าที่ลดลงทั้งจากสินค้าคงทนและไม่คงทน

ขณะเดียวกันผู้ประกอบการส่งออกยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทต่อเนื่อง ตลอดจนความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอีกเช่นกัน

- ที่ประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ด้วยคะแนน 225 ต่อ 0 งดออกเสียง 8 โดยรัฐบาลพร้อมนำข้อคิดเห็นข้อแนะนำ ข้อเสนอรวมทั้งความห่วงใยที่สมาชิกเสนอแนะ ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้เงินงบประมาณให้มากที่สุด

- นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นขณะนี้จะเป็นตัวเร่งให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อใช้เป็นรถโดยสารสาธารณะเร็วขึ้น ซึ่งจะต้องเจรจากับภาครัฐเพื่อหามาตรการจูงใจ เช่น การลดหย่อนภาษี เป็นต้น โดยจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมกับผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ในช่วงบ่ายนี้เพื่อรับฟังความคิดเห็นด้วย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com