• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 มกราคม 2563

    13 มกราคม 2563 | SET News
 

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันเนื่องจากนักลงทุนเข้าเทขายทำกกำไรหลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่คาดในเดือนธ.ค. แต่ภาพรวมรายสัปดาห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯก็ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด -133.13 จุด หรือ -0.46% ที่ 28,823.77 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด -0.29% ที่ 3,265.35 จุด และ Nasdaq ปิด -0.27% ที่ 9,178.86 จุด

ทั้งนี้ ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯที่ออกมาแย่ถือเป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนเลือกเทขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ในสัปดาห์นี้ตลาดดูจะให้ความสำคัญกับการประกาศรายงานผลประกอบการ

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ท่ามกลางนักลงทุนที่รอคอยการลงนามเฟสแรกของสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี S&P/ASX200 เปิด -0.6% ทางด้าน Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.12% ในขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันหยุดประจำชาติ

สัปดาห์นี้กลุ่มนักลงทุนค่อนข้างให้ความสนใจกับวันพุธที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ของจีนจะลงนามข้อตกลงเฟสแรกเพื่อระงับความยืดเยื้อที่เกิดขึ้นของสองประเทศ โดยที่นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนจะเป็นผู้นำการเจรจาและมีกำหนดการไปยังสหรัฐฯในวันนี้

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน คาดว่าเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15 - 30.30 บาท/ดอลลาร์

- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค.62 อยู่ที่ 68.3 จากเดือน พ.ย. 62 ที่อยู่ในระดับ 69.1 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 68 เดือน จากความกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง

- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ เตรียมปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจปี 63 อีกครั้งในวันที่ 13 ม.ค.63 หลังได้รับรายงานข้อมูล จากหอการค้าทั่วประเทศแล้ว ซึ่งคาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงแน่นอน จากประมาณการเดิมเมื่อ พ.ย.62 คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 63 จะโต 3.1% การส่งออกขยายตัว 1.8%

- Chief Economist บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี 63 จะขยายตัวได้ 2.8% โดยเศรษฐกิจจะต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากการบริโภคในประเทศที่คงจะขยายตัวได้ไม่มาก เพราะได้รับผลกระทบปัญหาภัยแล้ง รายได้เกษตรที่ลดลง รวมถึงภาระหนี้ที่สูง ทำให้กำลังซื้อลดลงต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกอาจจะดีกว่าปีที่ผ่านมาจากฐานต่ำแต่คงไม่ได้ขยายตัวมากนัก ดังนั้น การลงทุนภาครัฐจึงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในปีนี้

· อ้างอิงจากสำนักข่าวโพสต์ทูเดย์

- เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2563 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 และวาระ 3 แล้วหลังใช้เวลาการพิจารณา รวมทั้งสิ้น 4 วัน

ทั้งนี้ที่ ประชุมลงมติโหวต ผู้เข้าประชุม 450 คน ผลการลงมติ เห็นด้วย 253 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 196 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ถือว่าที่ประชุมให้ความเห็นชอบขณะเดียวกันที่ประชุมสภายังได้เห็นชอบกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ด้วย

สำหรับขั้นตอนต่อไปคือการส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้วุฒิสภาพิจารณา ซึ่งวุฒิสภาจะมีระยะเวลาการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน   

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com