• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562

    7 พฤศจิกายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงท่ามกลางตลาดที่เคลื่อนไหวในลักษณะสะสมพลัง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มองหาความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยค่าเงินเยน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ Safe-Haven ก็ปรับแข็งค่ากลับขึ้นมาเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากควาไม่แน่นอนที่กลับสู่ตลาดอีกครั้ง โดยสหรัฐฯและจีนก็ยังคงเดินหน้าลดความแตกต่างเพื่อให้เกิดความเพียงพอระหว่างกันในการร่วมลงนามข้อตกลงการค้า “เฟสแรก” ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนนี้ และความคาดหวังที่จะยุติปัญหาสงครามการค้าดังกล่าวก็ได้ช่วยให้ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นกลับมาอีกครั้ง



ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.1% ที่ระดับ 97.875 จุด หลังไปทำระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวานนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เยนแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ระดับ 109 เยน/ดอลลาร์ หลังไปทำระดับอ่อนค่าสูงสุดรอบ 3 เดือนที่ 109.285 เยน/ดอลลาร์ ในส่วนของค่าเงินยูโรแข็งค่ามาทรงตัวที่ 1.1080 ดอลลาร์/ยูโร



ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรได้รับอานิสงส์จากข้อมูลคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. ที่ช่วยชดเลยความกังวลของกลุ่มการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากภาวะตึงเครียดทางการค้าโลก


· การพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนที่จะร่วมลงนามข้อตกลงการค้ากันในเดือนนี้อาจถูกเลื่อนออกไปในเดือนธ.ค. ท่ามกลางทั้งสองฝ่ายที่ยังคงมีการหารือข้อตกลงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับรายละเอียดและสถานที่จัดประชุมครั้งใหม่


ทีมบริหารอาวุโสของนายทรัมป์ กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า ทางทำเนียบขาวมีการตั้งเป้าจะบรรลุข้อตกลงกับจีนให้ได้ภายใน 16 พ.ย.นี้ แต่เมื่อมีการยกเลิกจัดประชุม APEC โดยชิลี แต่ก็ยังไม่ชัดเจนในเวลานี้ว่าจะเปลี่ยนกรอบเวลาในการลงนามกันเมื่อใด



อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่การประชุมในยุโรปอาจเป็นการพบกันระหว่างสองผู้นำอีกครั้งที่อาจจะสามารถลงนามข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ โดยนายทรัมป์ มีกำหนดการจะร่วมประชุมผู้นำ NATO ณ กรุงลอนดอนในวันที่ 3-4 ธ.ค.นี้ รวมทั้งประชาชนค่อนข้างให้ความสนใจต่อการเจรจาดังกล่าวใกล้ชิดเพราะอาจมีความเป็นไปได้ที่การลงนามข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯและจีนจะเกิดขึ้นได้ก่อนหรือหลังจากประชุมดังกล่าว



· รายงานจาก CNBC ยืนยันรายงานที่ทาง Reuters พาดหัวข่าวเกี่ยวกับแหล่งข่าวที่มีการกล่าวถึงว่าข้อตกลงการค้าอาจเลื่อนไปในเดือนธ.ค. และอาจเกิดขึ้นที่ยุโรป ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่เห็นแรงเทขายเข้ามาในตลาดหุ้น

อย่างไรก็ดี การลงนามในเดือนพ.ย. ถูกคาดหวังว่าสถานที่น่าจะเป็นรัฐไอโอว่า หรือ อลาสกา หรือฮาวาย ของประเทศสหรัฐฯ หรือแม้แต่เป็นในจีนเอง และกำหนดเส้นตายใหม่ในการลงนามข้อตกการค้าอาจเกิดขึ้นได้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สหรัฐฯจะทำการขึ้นภาษีจีนรอบใหม่ที่ถูกกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันดังกล่าว

· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวให้คำมั่นทีาจะพาอังกฤษออกจากอียูให้ได้ภายในเดือนม.ค. ปีหน้า ซึ่งถือเป็นถ้อยแถลงหลักในการหาเสียงที่เขาใช้เพื่อการเลือกตั้ง 12 ธ.ค. นี้


· ผลสำรวจ YouGov เผยส่า การสนับสนุนนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนปัจจุบันแห่งพรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนิยมลดลงในช่วง 2-3 วันมานี้ หลังจากในช่วงหาเสียงมีผู้ร่วมพรรคระดับอาวุโสประกาศลาออก

ผลสำรวจจาก Sky News แสดงให้เห็นว่าการสนับสนุนพรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนลดลง 2% ที่ระดับ 36% ขณะที่พรรคแรงงานมีคะแนนิยมเท่าเดิมที่ 25% ด้านพรรค LD มีคะแนนเพิ่มขึ้นมาที่ 17% แต่ Brexit Party มีความนิยมเท่าเดิมที่ 11%

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังข้อมูลสต๊อกน้ำมันดิบโดยภาครัฐบาลเพิ่มขึ้นเกินคาด 7.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ประกอบกับรายงานข่าวจาก Reuters ที่ระบุว่าการลงนามข้อตกลงการค้าของสหรัฐฯและจีนอาจถูกเลื่อนไปในเดือนหน้า

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลง 1.22 เหรียญ หรือ -1.9% ที่ระดับ 71.74 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้าน WTI ปิดลดลง 88 เซนต์ หรือ -1.5% ที่ระดับ 56.35 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com