• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562

    6 พฤศจิกายน 2562 | SET News

· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 30.52 จุด หรือ +0.11% ที่ระดับ 27,492.63 จุด ในขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไร โดยปรับลงมา -0.12% ปิดที่ 3,074.62 จุด ทางด้าน Nasdaq ยังปิด +0.02% ที่ระดับ 8,434.68 จุด

ภาพรวมของความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีนดูจะช่วยทำให้ดัชนีสหรัฐฯหลักๆทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีข่าวที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมลงนามกันในเดือนนี้ ประกอบกับอาจเห็นการยกเลิกภาษีจีนรอบล่าสุดที่ดูจะยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดด้วย

นอกจากนี้ ตลาดยังมีปัจจัยบวกจากผลสำรวจของ ISM ที่บ่งชี้ว่าข้อมูลภาคการผลิตปรับตัวขึ้นดีกว่าที่คาดและช่วยคลายกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัว

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นต่อท่ามกลางนักลงทุนที่รอคอยความเป็นไปได้ของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาในทิศทางเชิงบวก โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +0.23% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มทรัพยากรที่ปิด +1.9%

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวขึ้นเช่นกันในเช้าวันนี้ โดยเหล่านักลงทุนรอคอยความคืบหน้าของข้อตกลงการค้า ซึ่งดัชนีนิกเกอิเปิด +0.22% ขณะที่ Topix เปิด +0.12%

ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิดทรงตัว ขณะที่ S&P/ASX200 เปิด +0.12% และภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิดทรงตัว

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 30.10-30.25 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดจะรอดูดูผลการประชุม กนง.วันนี้ว่าจะออกมาอย่างไร ระหว่างปรับลดดอกเบี้ยหรือคงอัตรา

- กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในงาน "Joint BOT-IMF High level Conference" ว่า ประเทศไทยนั้น ยังเผชิญกับกับท้าทายจากปัจจัยด้านต่างประเทศและในประเทศ โดยปัจจัยด้านต่างประเทศนั้น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน เป็นตัวเร่งให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และส่งผลต่อการแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งล้วนก่อให้เกิดเป็นข้อจำกัดต่อขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน

- โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และนางคริสตาลีนา กอร์เกียว่า กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ทาง IMF เห็นว่าไทยยังมีช่องว่างในเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สามารถนำมาเป็นเครื่องมือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และไทยยังมีโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพของประเทศเพิ่มเติมได้อีกมาก ทั้งเรื่องปรับโครงสร้างการศึกษาการพัฒนาทักษะบุคลากร

- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2562 หดตัว -1.5% และคาดการณ์การส่งออกปี 63 เติบโต 0-1%

- นายกรัฐมนตรีไทยและจีน ได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านหลังจากนั้นผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 ฉบับ

· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 1.50% สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมรอบวันที่ 6 พ.ย.นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมีความเสี่ยง ซึ่งการต้องรีบทำเร็ว เนื่องจากการส่งผ่านนโยบายการเงินค่อนข้างต้องอาศัยเวลา ดังนั้น หากรอไปลดดอกเบี้ยช่วงเดือน ธ.ค. ก็จะไปส่งผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com