• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2562

    21 ตุลาคม 2562 | Economic News
 

· ค่าเงินปอนด์อ่อนค่า 0.72% แถว 1.2896 ดอลลาร์/ปอนด์ ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ 1.2990 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังรัฐสภาอังกฤษเลื่อนการลงมติข้อตกลง Brexit ครั้งสำคัญออกไป

ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่า 0.15% แถว 1.1155 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับสูงสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 1.1172 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนค่อนข้างทรงตัวแถว 108.41 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 108.94 เยน/ดอลลาร์

ด้านดัชนีดอลลาร์ เช้านี้เคลื่อนไหวแถวระดับ 97.34 จุด แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 97.28 จุด

· นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets มีมุมมองว่า ตลาดจะจับตาความคืบหน้าของการลงมติ Brexit ที่อาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ ส่วนการเลื่อนลงมติ Brexit เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ทำให้โอกาสเกิด No-deal Brexit ลดลงไปได้บ้าง

ขณะที่ทาง Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์โอกาสเกิด No-deal Brexit ลงสู่ระดับ 5% จาก 10% และคงคาดการณ์ว่าอังกฤษจะถอนตัวออกจากอียูในวันที่ 31 ต.ค. ตามกำหนดการเดิม 

· อังกฤษส่งจดหมายให้กับอียู เพื่อขอขยายระยะเวลาของ Brexit ออกไปจากเดิมในวันที่ 31 ต.ค. 2019 เป็นวันที่ 31 ม.ค. 2020 แทน หลังจากที่รัฐสภาอังกฤษเลื่อนการลงมติข้อตกลง Brexit เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

นายโดนัลด์ ทัคส์ ประธานคณะกรรมธิการอียู ระบุว่า ตนได้รับจดหมายฉบับดังกล่าวแล้ว และจะดำเนินการปรึกษากับบรรดาผู้นำประเทศในอียูว่าจะตอบรับกับข้อเรียกร้องของอังกฤษเช่นไร

อย่างไรก็ตาม นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่ได้เป็นผู้ลงนามในจดหมายฉบับดังกล่าว โดยนายบอริสมีการจดหมายอีกฉบับหนึ่งไปยังอียู โดยเนื้อหาในจดหมายอีกฉบับระบุว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการขอขยายระยะเวลา

ล่าสุด รายงานจากรัฐบาลอังกฤษ ยืนยันว่า อังกฤษจะถอนตัวออกจากอียูตามกำหนดการเดิม คือในวันที่ 31 ต.ค. 2019

รายงานจาก CNBC ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติในข้อตกลง Brexit อย่างเร็วที่สุดภายในวันจันทร์ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าข้อตกลงจะสามารถผ่านการลงมติไปได้หรือไม่

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวแสดงความหวังว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน จะสามารถลงนามร่วมกันได้ระหว่างการประชุมAPEC (Asia-Pacific Economic Cooperation) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16 และ 17 พ.ย. นี้ ณ ประเทศชิลี

· เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน ระบุว่า การเจรจาการค้าร่วมกับสหรัฐฯรอบที่ผ่านมา มีความคืบหน้าที่ดี และทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินงานร่วมกันเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาของแต่ละฝ่าย โดยอยู่บนหลักของความเท่าเทียมและความเคารพต่อกัน และการหยุดยั้งสงครามการค้าเป็นเรื่องที่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายและทั่วโลก

· นายริชาร์ด คลาริดา รองประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญว่า เฟดยังคงท่าทีที่จะเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถคงการเติบโตต่อไปได้ และป้องกันความเสี่ยงจากภายนอกประเทศ

ขณะที่มุมมองของนายคลาริดา ยังคงมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี และอัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยที่จะผลักดันให้เฟดพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายการปรับดอกเบี้ยนั้น จะอยืที่ความแข็งแกร่งของภาคผู้บริโภคเป็นหลัก

ทั้งนี้ ตลาดยังคาดการณ์โอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ไว้เกือบ 90%

· ทางด้านนายเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ มีมุมมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในปัจจุบันมีเสถียรภาพมากพอ และไม่จำเป็นต้องได้รับแรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ย โดยเฟดควรชะลอการลดดอกเบี้ยออกไป เผื่อในยามที่ปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจมีความรุนแรงมากขึ้น เฟดจะได้มีทางเลือกสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

· ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบ ท่ามกลางแรงกดดันจากสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน แม้จะมีแรงหนุนจากภาคการกลั่นน้ำมันก็ตาม ขณะที่ความหวังว่าสหรัฐฯ-จีนจะสามารถหาข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ ช่วยหนุนราคาไม่ให้ร่วงลงไปมากกว่านี้

ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิด -49 เซนต์ ที่ระดับ 59.42 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด -15 เซนต์ ที่ระดับ 53.78 เหรียญ/บาร์เรล

สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิด -1.8% ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด -1.7%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com