• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 17 กันยายน 2562

    17 กันยายน 2562 | Economic News

· สกุลเงินของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันยังคงเคลื่อนไหวในแดนแข็งค่า หลังจากเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาระเบีย ขณะที่ความกังวลจะเกิดการเคลื่อนไหวทางทหารในพื้นที่ดังกล่าว ยังช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น



ทั้งนี้ การตอบรับเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวในบรรดาสกุลเงินหลักๆ ค่อนข้างจะเงียบเหงา โดยค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์ต่างเริ่มอ่อนค่าลงมา หลังจากที่ถูกเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven จนเกิดเป็นภาวะ Knee-jerk



โดยค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ทรงตัววันนี้แถว 108.11 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดของเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ 108.265 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่แนวต้านสำคัญของค่าเงินเยนถูกมองไว้ที่ระดับ 108.43 เยน/ดอลลาร์



ค่าเงินยูโรทรงตัวแถว 1.10045 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลงมา 0.6% เมื่อวานนี้ ขณะที่ค่าเงินสวิสฟรังก์อ่อนค่า 0.3% แถว 0.9925 ดอลลาร์



ดัชนีดอลลาร์แข็งค่า 0.5% แถว 98.624 จุด โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เหล่าเทรดเดอร์เปิดสถานะ Short ในค่าเงินดอลลาร์ไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้



นักวิเคราะห์จาก Daiwa มีมุมมองว่า ตลาดคาดการณ์ว่าจะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้ง จนถึงปีหน้า แต่ทางเฟดไม่มีแนวโน้มที่จะแก้ไขคาดการณ์ของพวกเขาเองตามนั้น


· EUR/USD daily chart


ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ (EUR/USD) ในกราฟรายวัน กำลังเคลื่อนไหวไปตามทิศทางขาลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยรายวัน สำหรับวันนี้ตลาดจะให้ความสนใจไปยังการประกาศตัวเลข German ZEW survey และหลังจากนั้นตลาดจะหันไปจับตาผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้



EUR/USD four-hour chart

จากกราฟราย 4 ช.ม. จะเห็นได้ว่าค่าเงินกำลังเผชิญแรงกดดันเหนือระดับ 1.1000 ดอลลาร์/ยูโร หากหลุดระดับดังกล่าวลงมา จะมีแนวโน้มย่อตัวต่อลงไปถึงระดับ 1.0970 และ 1.0935 ดอลลาร์/ยูโร



· ท่ามกลางภาวะที่ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างกระทันหัน หลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันสำคัญของซาอุดิอาระเบียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับภาวะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯเริ่มที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ในตลาดว่าเฟดอาจไม่ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้



ทั้งนี้ แม้โอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยสัปดาห์นี้จะยังมีสูงกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสคาดการณ์ที่จะเห็นเฟดคงดอกเบี้ยกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อ้างอิงจากเครื่องมือ Fedwatch ของ CME Group ล่าสุด ตลาดมองโอกาสที่เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 34% เทียบกับโอกาสเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ 5.4% และในเดือนก่อนหน้าที่ 0%


· ตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษจะมีการโน้มน้าวศาลสูงสุดของอังกฤษให้เห็นว่า การประกาศปิดสภาของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จนเหลือเวลาไม่มากนักสำหรับการหารือประเด็น Brexit ไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย อย่างที่ศาลสูงสุดของสก็อตแลนด์ตัดสินไปเมื่อวันพุธสัปดาห์ก่อน


· บรรดานักวิเคราะห์ได้แสดงความคิดเห็นกับหนังสือพิมพ์ China Securities Journal โดยส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า ธนาคารกลางจีนควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะกลาง เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางจีนจะสามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะบรรดาธนาคารกลางทั่วโลกต่างมีการผ่อนคลายนโยบายลงด้วยกันทั้งนั้น


· สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ระุบว่า ราคาบ้านใหม่จีนประจำเดือนส.ค.เติบโต 8.8% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 9.7 และที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2018 ที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและมาตรการจำกัดการเก็งกำไรในภาคอสังหาฯของจีนกดดันอุปสงค์โดยรวม



หน่วยงานกำกับดูแลยื่นคำมั่นว่าจะไม่ให้มีการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากพวกเขาได้ออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้างโดยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯและความต้องการของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง


· นางแครี แลม ผู้นำรัฐบาลฮ่องกง ระบุว่า เธอและทีมบริหารของเธอจะเข้าหารือร่วมกับตัวแทนประชาชนภายในสัปดาห์หน้า พร้อมยืนยันว่า เหตุความรุนแรงในฮ่องกงที่กินเวลานานกว่า 3 เดือน จะต้องสงบลงอย่างแน่นอน


· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางตลาดที่ชะลอการลงทุนหลังเกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันสำคัญของซาอุดิอาระเบียที่บั่นทอนกำลังการผลิตไปกว่าครึ่งหนึ่ง ประกอบกับตลาดกลับมากังวลถึงการตอบโต้กันในตะวันออกกลาง รวมทั้งส่งผลให้ราคาส่งพุ่งสูงที่สุดในรอบหลายทศวรรษในช่วงก่อนหน้านี้



การโจมตีดังกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในตลาด เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยราคาน้ำมันดิบปรับพุ่งขึ้นกว่า 15% ไปทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือนในช่วงเปิดตลาดวันอาทิตย์ หลังมีเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านที่ดูจะฉุดให้อุปทานโลกลดลงอีก 5%



ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.4% ที่ระดับ 68.72 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.9% ที่ะรดับ 62.33 เหรียญ/บาร์เรล



· นายริค เพอร์รี รมว.พลังงานสหรัฐฯ ระบุว่า เร็วเกินไปที่จะระบุว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องใช้น้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) หลังจากเกิดเหตุโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย



พร้อมกล่าวว่า "ซาอุดีอาระเบียได้ระบุแล้วว่า พวกเขาจะสามารถฟื้นฟูการผลิตกลับมาได้ 1 ใน 3 ก่อนสิ้นวันนี้ ผมต้องการบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ตลาดมีปริมาณน้ำมันค่อนข้างมาก"


· รายงานจากซาอุดิอาระเบียระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าโดรนที่ถูกใช้ในการโจมตีโรงงานน้ำมันของซาอุฯเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นโดรนของอิหร่านและไม่ได้ถูกส่งออกมาจากในพื้นที่ประเทศเยเมนตามที่กลุ่มกบฏฮูตีกล่าวอ้าง โดยหน่วยงานของซาอุฯกำลังดำเนินการตรวจสอบตำแหน่งที่โดรนเหล่านั้นถูกส่งออกมาให้แน่ชัด


· อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศโอมาน มีความคิดเห็นว่า ซาอุดิอาระเบียจำเป็นต้องมีการอธิบายครั้งสำคัญ ว่าเพราะเหตุใดประเทศที่มีค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ถึงไม่สามารถป้องกันทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดอย่างน้ำมันของพวกเขาได้



โดยจากข้อมูลของ Stockholm International Peace Research Institute ซาอุดิอาระเบียมีค่าใช้จ่ายในการซื้ออาวุธมากถึง 6.76 หมื่นล้านเหรียญในปี 2018 เป็นรองเพียงสหรัฐฯและจีนในด้านการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ



ทั้งนี้ จริงอยู่ที่ว่าโดรนสามารถถูกตรวจจับได้ยาก แต่พวกเขาก็ควรตระหนักถึงความเป็นไปได้นี้ จากการโจมตีครั้งก่อนๆ ที่เคยเกิดขึ้นไม่ว่าเป็นในพื้นที่โรงงานผลิตน้ำมันหรือสนามบิน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com