• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2562

    23 สิงหาคม 2562 | SET News
· ตลาดหุ้นเอเชียพยายามดิ้นรน เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับโอกาสที่เฟดอาจะปรับลดดอกเบี้ย ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.3 สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.2% หลังจากร่วงลงไปติดต่อกัน 4 สัปดาห์

นักกลุทธ์ประจำ Daiwa Securities ระบุว่า เหล่าเทรดเดอร์กำลังชะลอการลงทุน ในลักษณะ wait-and-see ก่อนหน้าการกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด โดยตลาดคาดจะเห็นความชัดเจนของเขาเกี่ยวกับการประชุมในเดือนก.ค. ที่ผ่านมาและแนวทางการดำเนินนโยบายทางการเงิน

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินเยน ตลาดจีนและสหรัฐฯที่แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของหุ้นป้องกันเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ขุ่นเคืองกับเกาหลีใต้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.4% ที่ระดับ 20,710.91 จุด สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.4%

ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ท่ามกลางกระแสคาดการ์ของถ้อยแถลงนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดในคืนนี้ ที่อาจจะให้เฟดจะยังไม่เข้าสู่วัฏจักรการปรับลดดอกเบี้ย

นักกลยุทธ์อาวุโสประจำ Sumitomo Mitsui DS Asset Management ระบุว่า การอ่อนค่าของค่าเงินเยน หนุนตลาดหุ้นในประเทศ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นจีน

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์เป็นระดับที่ดีที่สุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากเหล่านักลงทุนได้รับความคาดหวังเกี่ยวกับสงครามทางการค้า หลังสหรัฐฯยังคงวางแผนที่จะจัดการเจรจาโดยตรงอยู่

โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.5% ที่ระดับ 2,897.43 จุด

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่รอคอยถ้อยปถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด โดยดชันี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1% ด้านหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก

สำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 การส่งออกรถยนต์โดยรวมของไทยไปยังตลาดโลกยังบ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะที่ค่อนข้างซบเซาในตลาด หลังต้องเผชิญกับปัจจัยลบอันหลากหลายทั้งสงครามการค้าโลกอันยืดเยื้อ การแข็งค่าของค่าเงินบาท ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่องในประเทศนำเข้ารถยนต์หลักจากไทย เช่น ออสเตรเลีย ที่มีส่วนแบ่งในการส่งออกรถยนต์ของไทยสูงถึงประมาณ 30% ส่งผลให้การส่งออกรถยนต์ของไทยในช่วงครึ่งแรกหดตัวลง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเกียวกันในปีก่อน ด้วยปริมาณรถยนต์ส่งออก 559,861 คัน

- นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเน้นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อพยุงให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยาย

ตัวได้สูงขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4 เพราะกว่าที่รัฐบาลจะสามารถนำงบประมาณประจำปี 2563 ออกมาใช้ได้ก็คงน่าจะเป็นช่วงปี 63

- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียนบวกสาม (แอมโร) เปิดเผยว่า มาตรการ

กระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ประกาศถือเป็นเรื่องที่ดีและเห็นด้วย ซึ่งจะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีเพิ่มอีก 0.2-

0.3% โดยมูลค่ากว่า 3.16 แสนล้านบาท ของมาตรการคิดเป็นสัดส่วน 1.8% ของจีดีพี ทำให้ในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเติบโต

เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ขยายตัวได้ 2.6% จากเน้นการบริโภคในประเทศเป็นหลักในช่วงที่ภาคส่งออกไทยชะลอตัวจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น

ตัวทั้งสหรัฐ จีน และยุโรป มองว่าเศรษฐกิจกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวียังอยู่ในทิศทางที่ดีแม้ถูกกระทบจากการค้าโลกบ้าง

- "สมคิด" สั่งบีโอไอทำแพ็กเกจรับธุรกิจหนีพิษสงครามการค้าย้ายฐานมาสู่ไทย เตรียมชง ครม.เศรษฐกิจ วันที่ 30 ส.ค.

นี้ เรียกบิ๊กหน่วยงานเศรษฐกิจ ธปท.-ก.ล.ต.-คปภ.เข้าพบ ขอความร่วมมือเสนอไอเดียใหม่ๆ รับความท้าทายในอนาคตมั่นใจจีดีพีไตร

มาส 4 ทะยาน หลังเงินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงสู่ระบบ "บีไอไอ" แย้มมีธุรกิจ 100 รายจ่อย้ายฐานลงทุน

- ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคาร

ยังเติบโตต่อเนื่องแต่เติบโตในอัตราชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีผล กระทบต่อคุณภาพสินเชื่อบัตรเครดิต โดยหนี้ที่

ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นมาที่ 2.1-2.2% จากปลายปีอยู่ที่ 1.9%

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

- หุ้น GULF พุ่งทำ All Time High ไม่หยุด หลังได้ข่าวดี 2 เด้ง ทั้งกระทรวงพลังงานเตรียมปรับแผน PDP2018 เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน และจ่อชนะประมูลสัมปทานมอเตอร์เวย์ จับตาเป็นโอกาส หรือ ความเสี่ยง ขณะที่ราคาหุ้นวิ่งรับโครงการโรงไฟฟ้าในอนาคตไปแล้ว และงบครึ่งหลังปีนี้มีโอกาสอ่อนตัว จากการปิดซ่อมโรงไฟฟ้า SPP 7 แห่ง

- บล.ทรีนีตี้ ระบุ 19 ส.ค. 2562 กรมทางหลวงได้เปิดเผยซองเอกสารการประมูล ข้อเสนอซองที่ 2 เกี่ยวกับการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในงานดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง 2 สายได้แก่ 1. สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และ 2. สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ผลปรากฎว่ากลุ่ม BGSR ซึ่งประกอบไปด้วย BTS, GULF, STEC และ RATCH ยื่นข้อเสนอรับผลตอบแทนต่ำที่สุดในทั้ง 2 สาย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com