• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2562

    22 กรกฎาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น โดยกลับมาเคลื่อนไหวแดนบวกอีกครั้งในคืนวันศุกร์ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.45% มาที่ 97.24 จุด จากระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ทำไว้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 96.648 จุด ที่ได้รับผลกระทบจากถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขานิวยอร์กที่สนับสนุนนโยบายเชิงผ่อนคลายทางการเงินตามหลังถ้อยแถลงของประธานเฟดในวันก่อนหน้า จึงทำให้เกิดกระแสคาดการณ์กันเพิ่มขึ้นว่าจะเห็นเฟดใช้นโยบายปรับลดดอกเบี้ยที่ค่อนข้างเข้มงวด



นักลงทุนในตลาดมีมุมมองเพิ่มขึ้นมาที่ 43.1% สำหรับโอกาสที่จะเห็นเฟดหั่นดอกเบี้ยลง 0.5% ในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้ ขณะที่เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group มองโอกาส 60.2%



· ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงอีกครั้งเมื่อเทียบดอลลาร์ และกลับลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินสวิสฟรังก์ จากการที่กลุ่มนักลงทุนมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่าอาจจะเห็นอีซีบีปรับลดดอกเบี้ยได้เร็วสุดในการประชุมสัปดาห์นี้ (25 ก.ค.)



ตลาดการเงิน ณ ขณะนี้ มองโอกาส 60% จากเดิมที่ 40% ที่จะเห็นอีซีบีหั่นดอกเบี้ยลง 0.1% ในการประชุมสัปดาห์นี้



· สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ภาคบริษัทของจีนบางส่วนกำลังพิจารณาจะเข้าซื้อสินค้าเกษตรครั้งใหม่จากสหรัฐฯ ในขณะที่กลุ่มตัวแทนเจรจาของสหรัฐฯและจีนกำลังหาวิธียุติสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ




จะเห็นได้ว่า ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศยังคงมีอยู่ แม้ว่าในการประชุม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่น การพบกันของนายทรัมป์ และนายสี ผู้นำของสหรัฐฯและจีนจะเห็นพ้องกันและทำให้การเจรจาที่หยุดชะงักในเดือนพ.ค. กลับมาคุยกันได้อีกครั้ง และนายทรัมป์ ก็ระบุว่าจะยังไม่ขึ้นภาษีสินค้าครั้งใหม่กับทางจีน เนื่องจากจีนมีการสัญญาว่าจะเข้าซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น แต่ล่าสุดเมื่อ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา นายทรัมป์ก็ได้กล่าวตำหนิจีนที่ไม่ยอมทำตายสัญญาในการเข้าซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ



แต่รายงานจากสำนักข่าวซินหัวล่าสุด ดูเหมือนจะทำให้นักวิเคราะห์บางรายมีมุมมองว่าสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศจะดีขึ้น และจะยิ่งทำให้การเจรจาทางการค้ากลับมาเริ่มต้นได้ในเร็วๆนี้




นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในวันศุกร์ว่า นายมนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้รายงานต่อการเจรจาทางโทรศัพท์กับทางจีนว่าเป็นไปค่อนข้างดี ขณะที่ทางการจีนก็ยืนยันว่า รองนายกฯจีน และรัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีนก็มีมุมมองว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์นั้นเป็นไปด้วยดี



อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ ยังคงมีมุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ค่อนข้างดี ในขณะที่จีนนั้นแทบจะไม่ดีเอาเสียเลย

· นายบอริส จอห์นสัน ว่าที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสามารถหาข้อตกลงเปิดการค้าเสรีร่วมกับอียู หลังการถอนตัวออกไป หากสามารถเจรจาสำเร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องมีข้อตกลงทางการค้าร่วมกับอียูที่เป็นซับซ้อนและกดดันการผลักดันนโยบายครั้งก่อนแต่อย่างใด


ขณะที่รายงานจาก The Telegraph ระบุว่า นายบอริสจะยังยึดมั่นกับการทำให้แน่ใจว่าชายแดนไอร์แลนด์เหนือจะไม่กลับไปถูกคุมเข้มหลังการถอนตัวออกของอังกฤษอย่างแน่นอน



แนวคิดเกี่ยวกับชายแดนไอร์แลนด์ของนายบอริส ขัดแย้งกับแนวิดของนายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและคู่แข่งชิงตำแหน่งนายกฯที่มีคะแนนรองลงมา เนื่องจากนายเจเรมีมองว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับชายแดนไอร์แลนด์เหนือควรถูกถอนออกไปจากข้อตกลงที่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีคนก่อน ตกลงร่วมกับอียูไว้


· นายฟิลลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตีการคลังอังกฤษ ประกาศว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง หากนายบอริส จอห์นสัน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เนื่องจากเขาไม่สามารถให้การสนับสนุนนายกฯที่ยินดีผลักดันให้อังกฤษถอนตัวออกจากอียูแบบ No-deal

การข่มขู่จะลาออกของนายฟิลลิป เป็นการตอกย้ำถึงมุมมองต่อต้านการถอนตัวแบบ No-deal ของเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาอังกฤษ ซึ่งทั้งบรรดา ส.ส. และผู้นำทางธุรกิจต่างเตือนว่า การถอนตัวแบบ No-deal จะนำมาซึ่งภัยพิบัติแก่ประเทศ

· พรรครัฐบาลผสมของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะสามารถรักษาเสียงข้างมากเด็ดขาดสองในสามในสภาสูงของญี่ปุ่นเอาไว้ได้ จากการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) จึงยังคงรักษาความฝันของเขาในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพนิยม ที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้


· ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ในช่วง 20 วันแรกของเดือนนี้ดิ่งลง 13.6% จากช่วงต้นปี อันได้รับผลกระทบจากการขนส่งสินค้าเซมิคอนดักเตอร์สที่เป็น 1 ใน 5 ของยอดส่งออกปรับตัวลงไป 30.2% ประกอบกับอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลง

ทางด้านยอดนำเข้าในช่วง 20 วันแรกของก.ค. ก็ปรับตัวลงไป 10.3% จากยอดเข้าซื้อจากญี่ปุ่นปรับลง 14.5% ใกล้เคียงเดือนมิ.ย. ในช่วง 20 วันแรกที่ปรับตัวลง 13.9% อันเป็นผลจากการที่ญี่ปุ่นจำกัดการส่งออกวัตถุดิบสำคัญประเภทชิพ และการผลิตอุปกรณ์สื่อสาร

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นหลังจากที่สื่ออิหร่าน รายงานว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ได้เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งของอังกฤษ ขณะเข้าสู่น่านน้ำอิหร่าน

ทางด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมของอังกฤษ เผยว่า ทางรัฐบาลกำลังตรวจสอบรายงานข่าวดังกล่าวอย่างเร่งด่วน และกำลังขอข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งกำลังประเมินสถานการณ์ หลังจากได้รับรายงานดังกล่าว



ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นไป 66 เซนต์ ที่ระดับ 62.59 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 33 เซนต์ หรือ +0.6% ที่ระดับ 55.63 เหรียญ/บาร์เรล



· รายงานจาก CNBC ล่าสุด เผย รัฐบาลอังกฤษกำลังพิจารณามาตรการตอบโต้อิหร่าน หลังตรวจสอบพบว่าอิหร่านมีการละเมิดคำข่มขู่ของกองทัพเรืออังกฤษ และทำการเข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่ง ซึ่งทางรัฐบาลอังกฤษถูกคาดการณ์ว่าจะมีการประกาศบางอย่างเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายตอบโต้อิหร่าน ภายในวันจันทร์นี้

ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มีทางเลือกที่อังกฤษจะสามารถใช้ตอบโต้อิหร่านได้เพียงไม่กี่ตัวเลือก เนื่องจากสหรัฐฯมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรกีดกันการส่งออกน้ำมันของอิหร่านไปสู่ทั่วโลกไว้อยู่แล้ว

· เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขยายตัวรุนแรงอีกครั้งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดฉากยิงกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกระสุนยางและแก๊สน้ำตา ท่ามกลางการชุมนุมที่ยังคงโกรธแค้นการผลักดันร่างกฏหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่พวกเขามองว่าเป็นการทำมห้ชายแดนระหว่างจีน-ฮ่องกงเสื่อมคลายลง รวมถึงการพยายามเรียกร้องความเป็นธรรมจากการที่ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายในการชุมนุมครั้งก่อน


ทั้งนี้ จากข้อมูลของแกนนำการชุมนุมระบุว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 430,000 คน ขณะที่ข้อมูลจากตำรวจระบุว่ามีมากที่สุดที่ 138,000 คน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com