• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 26 มิถุนายน 2562

    26 มิถุนายน 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือน ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มีการลดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยของเฟด แต่การที่เฟดอาจมีการผ่อนคลายแนวการดำเนินนโยบายก็ดูจะช่วยจำกัดการแข็งค่าของทองคำอยู่บ้าง




· การที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงในเชิงที่ว่าเฟดมีความเป็นเอกภาพ ต่างจากความคิดของนายทรัมป์ที่ดูจะต้องการเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ถ้อยแถลงของนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ที่ดูจะดับความหวังของนักลงทุนที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนก.ค. และทำให้นักลงทุนกลับมาคาดการณ์ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% แทนในการประชุมเดือนหน้า




· บรรดาเทรดเดอร์ มีมุมมองว่า เฟด, ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ และธนาคารกลางอื่นๆจะทำการปรับลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ท่ามกลางแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และอาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนทิศทางตลาดแลกเปลี่ยนเป็นหลัก



· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 96.289 จุด โดยยังคงยืนเหนือระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนที่ทำไว้เมื่อวานนี้บริเวณ 95.843 จุด




· ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.25% ที่ 107.44 เยน/ดอลลาร์ โดยรีบาวน์กลับจากระดับต่ำสุดตั้งแต่ช่วงต้นม.ค. ที่ทำไว้บริเวณ 106.77 เยน/ดอลลาร์




· เครื่องมือ FedWatch จาก CME group สะท้อนถึงโอกาสเพียง 33% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนหน้า โดยลดลงจากโอกาสที่เคยประเมินไว้ที่ 38%

อย่างไรก็ดี บรรดาเทรดเดอร์จับตาไปยังการพบกันของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการประชุม G20 สัปดาห์นี้ แต่มีกระแสคาดการณ์น้อยมากว่าในช่วงสิ้นปีมีโอกาสเห็น Trade War ที่เกิดขึ้นอย่างยาวนานของ 2 ประเทศ

ถึงแม้จะมีความคาดหวังเกี่ยวกับเฟดจะลดดอกเบี้ยได้น้อยลง แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีก็ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่า 2% อันเป็นผลจากความกังวลเรื่อง Trade War



· ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.23% ที่ 1.2670 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนที่บีโออีจะเปิดเผยคาดการณ์ข้อมูลเงินเฟ้อรายไตรมาส โดยบีโออี ระบุว่า อาจจำเป็นต้องมีการทยอยปรับคาดการณ์ตราบเท่าที่อังกฤษจะหลีกเลี่ยง No-Deal จากกรณี Brexit ได้

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1356 ดอลลาร์/ยูโร โดยอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดรอบ 3 เดือนที่ 1.1412 ดอลลาร์/ยูโร





· ดัชนีดอลลาร์เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังทำจุดต่ำสุดที่ 95.80 จุด และกำลังเคลื่อนตัวสูงขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 96.60 จุด ที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน หากผ่านแนวต้านนี้ไปได้จะเป้าหมายถัดไปที่บริเวณ 97.75 – 97.80 จุด

ในทางกลับกัน หากดัชนีกลับอ่อนค่าลงต่อ และหลุดต่ำกว่าระดับต่ำสุด จะมีเป้าหมายถัดไปที่ 95.74 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือน มี.ค.




· ตลาดหุ้นอาจได้พักหายใจกันชั่วคราว ในขณะที่พันธบัตรถูกเทขาย หากมีสัญญาณ “สงบศึก” ประกาศในการพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการประชุม G20 ปลายสัปดาห์นี้ แต่ในระยะยาว ตลาดจะยังเผชิญแรงกดดันต่อไป หากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อตกลงที่จะมาหยุดการขึ้นภาษีได้

การประชุม G20 ครั้งนี้ มีความสำคัญมากถึงขนาดที่ตลาดมองว่า จะเป็นเหตุการณ์ที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปี และทิศทางของเศรษฐกิจจะกำหนดแนวทางการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของเฟดและธนาคารกลางอื่นๆ

หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ประจำสถาบัน Bleakley Advisory Group มีมุมมองว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวจะมีมากยิ่งขึ้น หากไม่มีสัญญาณสงบศึกจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า การเจรจาจะไม่มีผลลัพธ์ออกมาในเชิงลบแต่อย่างใด



· เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำทีมบริหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯมีเป้าหมายของการเจรจาร่วมกับผู้นำจีนในวันเสาร์นี้ คือการที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะกลับร่วมโต๊ะเจรจากันอีกครั้ง แต่ทางสหรัฐฯจะไม่ยอมรับเงื่อนไขใดๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้นโยบายภาษีโดยเด็ดขาด




· บริษัทสหรัฐฯแนวหน้ากว่า 300 บริษัท นำโดย Best Buy, HP ,รวมถึง Hallmark Cards พากันทยอยส่งตัวแทนเจ้าหน้าที่ระดับสูงขึ้นร้องเรียนต่อสำนักงานตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ โดยบริษัทเหล่านี้ต่างมีการร้องเรียนไปในทิศทางเดียวกัน คือการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่มขู่ จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จะสร้างผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากกว่าที่จะเป็นผลดี



· นายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แสดงความคิดเห็นว่า จีนควรยอมรับและปฏิรูประบบเศรษฐกิจของตนเอง เพื่อหยุดยั้งสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่กำลังทำร้ายเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงดังกล่าว อาจสร้างความบาดหมางทางการค้าระหว่างออสเตรเลียและจีนที่เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญได้




· นายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและเกาหลีเหนือ กำลังมีการเจรจาอยู่เบื้องหลัง เกี่ยวกับการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศขึ้นเป็นครั้งที่ 3 หลังจากการประชุมสุดยอดเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ประสบความล้มเหลว และการเจรจาก็หยุดชะงักมาจนถึงปัจจุบัน




· ญี่ปุ่นจะจัดการเลือกตั้งสำหรับสภาสูงในวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งจะการเป็นการเริ่มต้นแคมเปญลดจำนวนที่นั่งในสภาที่มีอำนาจน้อยกว่าระหว่างทั้ง 2 สภา


ส่วนกระแสคาดการณ์ที่ว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะประกาศยุบสภา เพื่อให้สภาล่างมีอำนาจในการบริหารประเทศมากขึ้น เริ่มซบเซาลงไปหลังนายอาเบะออกมายืนยันว่า ไม่มีแนวคิดที่จะดำเนินการเช่นนั้น

นอกจากนี้ นายอาเบะยังคาดหวังว่า การประชุม G20 ปลายสัปดาห์นี้ ที่มีญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ จะสามารถประสบความสำเร็จได้ เพื่อเป็นการเพิ่มเสียงสนับสนุนให้กับพรรคการเมืองของเขา



· ในปีที่แล้วกลุ่มผู้ซื้อบ้านชาวจีนมีสภาพคล่องทางการเงินหรือมีการจ่ายเงินซื้อบ้านด้วยเงินสดในสหรัฐฯน้อยลง โดยปรับตัวลงไป 4% จากช่วงปี 2017-2018 ท่ามกลางภาวะตึงเครียดของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังดำเนินไป


ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนที่เตรียมจะพบกันในสัปดาห์นี้ และยังคงมีความกังวลว่าจะยิ่งเห็นค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง




· ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับตัวขึ้นไปกว่า 1% ไปทำระดับสูงสุดในรอบเกือบเดือน หลังภาคอุตสาหกรรมน้ำมันหรือ API แสดงให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯมีการปรับตัวลงเกินคาด โดยลดลง 7.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 474.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดสหรัฐฯ-อิหร่าน

น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 1.3% ที่ 65.91 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ช่วงต้นตลาดไปทำ High ที่ระดับสูงสุดตั้งแต่ 31 พ.ค. บริเวณ 66 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 1.8% ที่ 58.98 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับระดับปิดเมื่อคืนนีี้ โดยช่วงต้นตลาดราคาน้ำมันดิบก็มีการทำระดับสูงสุดใหม่ตั้งแต่ 30 พ.ค. บริเวณ 59.03 เหรียญ/บาร์เรล


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com