MTS Help Center

ตลาดหุ้นอาจได้พักหายใจกันชั่วคราว ในขณะที่พันธบัตรถูกเทขาย หากมีสัญญาณ “สงบศึก” ประกาศในการพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการประชุม G20 ปลายสัปดาห์นี้ แต่ในระยะยาว ตลาดจะยังเผชิญแรงกดดันต่อไป หากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อตกลงที่จะมาหยุดการขึ้นภาษีได้

การประชุม G20 ครั้งนี้ มีความสำคัญมากถึงขนาดที่ตลาดมองว่า จะเป็นเหตุการณ์ที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปี และทิศทางของเศรษฐกิจจะกำหนดแนวทางการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของเฟดและธนาคารกลางอื่นๆ

หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ประจำสถาบัน Bleakley Advisory Group มีมุมมองว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวจะมีมากยิ่งขึ้น หากไม่มีสัญญาณสงบศึกจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า การเจรจาจะไม่มีผลลัพธ์ออกมาในเชิงลบแต่อย่างใด

มีเพียงนักวิเคราะห์เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่คาดการณ์ว่าการเจรจาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร UBS เป็นหนึ่งในนั้น โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะ “เหมือนกับ” ชะลอตัว หากการเจรจาจบลงด้วยการขึ้นภาษี พร้อมคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในอีก 6 ไตรมาสข้างหน้า จะชะลอการเติบโตลงไป 0.75% และบรรยากาศของตลาดจะคล้ายกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ที่มีความรุนแรงพอๆกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจยูโรโซนที่เกิดจากตลาดน้ำมันในช่วงปี 1980 หรือ วิกฤติเศรษฐกิจ “Tequila” ในช่วงปี 1990

สัญญาณ “สงบศึก”
เจ้าหน้าที่ในทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุว่า เป้าหมายของสหรัฐฯในการประชุมร่วมกับจีนครั้งนี้ คือการเปิดโต๊ะเจรจาร่วมกันอีกครั้ง รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะหาข้อตกลงเพื่อไมให้มีการขึ้นภาษีครั้งต่อไป
ขณะที่ทาง Bleakley Advisory Group ระบุว่า ตลาดจมีการตอบรับในเชิงบวกกับสัญญาณ “สงบศึก” ของทั้งสองฝ่าย และตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่พันธบัตรถูกเทขาย ส่วนดอลลาร์รีบาวน์แข็งค่าขึ้น แต่การที่นโยบายภาษียังคงมีผลอยู่จะเป็นจำกัดการฟื้นตัวของตลาด และถ้าหากเกิดสัญญาณว่าเฟดไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยแล้ว ก็มีโอกาสที่จะเห็นการปรับฐานในตลาดพันธบัตรได้ 

ข้อตกลงครั้งใหญ่?
นักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America Merrill Lynch ระบุว่า มีโอกาสเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะเห็น “ข้อตกลงครั้งใหญ่” ออกมาจากการประชุม G20 นี้ โดยอ้างอิงถึงคำพูดของนายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่ระบุว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดของการเจรจาในที่ประชุม G20 คือการกลับมาเปิดโต๊ะเจรจาร่วมกันอีกครั้ง

อีกเหตุผลหนึ่งที่ฝั่งสหรัฐฯไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูงมากนัก เนื่องจากทีมบริหารไม่ได้เผชิญแรงกดดันให้เร่งหาข้อตกลงแต่อย่างใด ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายครั้งที่ผ่านๆมา ก็อยู่ในรูปแบบ “ไม่เจ็บ ไม่จำ” มาโดยตลอด ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอยู่ในภาวะ ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีกระแสคาดการณ์แรงหนุนเศรษฐกิจจากปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ลการเติบโตของ GDP 

ที่มา : CNBC