• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 26 มิถุนายน 2562

    26 มิถุนายน 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบยูโร จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดน่าจะทำการลดดอกเบี้ยได้หลายครั้ง จึงก่อให้เกิดแรงเทขายเข้ามาในค่าเงินดอลลาร์ ประกอบกับความตึงเครียดสหรัฐฯ-อิหร่านที่ดูจะกระตุ้นให้เกิดความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ค่าเงินเยน จึงเห็นเยนแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค.



บรรดาเทรดเดอร์รอคอยท่าทีความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยจากเฟดที่ดูจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนหน้า



ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแถว 95.995 จุด โดยมีการรีบาวน์ขึ้นมาเช้านี้แถว 96.23 จุด ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เริ่มปรับสถานะรอดูท่าทีการพบกันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในการประชุม G20 ว่าจะมีสัญญาณต่อสงครามการค้าระหว่างสองประเทศเช่นใด



ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมา 0.14% ที่ 107.13 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำแข็งค่ามากที่สุดบริเวณ 106.78 เยน/ดอลลาร์ในช่วงต้นตลาดเอเชีย



สำหรับค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงต้นตลาดที่ 1.1412 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 21 มี.ค. โดยเมื่อคืนปิด -0.12% ที่ 1.1384 ดอลลาร์/ยูโร




· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ร่วงลงต่อต่ำกว่า 2% อีกครั้ง จากกลุ่มนักลงทุนที่มองหาความปลอดภัยในการลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่คาด ไม่ว่าจะเป็น Conference Board เผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงแตะ 121.5 จุดในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ก.ย. ปี 2017 และยอดขายบ้านใหม่ออกมาแย่กว่าที่คาดแตะ 626,000 ยูนิต หรือลงจากเดือนก่อนหน้า 53,000 ยูนิต



อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ร่วงลงมาที่ 1.994% ขณะที่อัตราผลตอบแทน 30 ปี ปรับลงมาที่ 2.52% ทางด้านผลตอบแทนระยะสั้น 2 ปี ทรงตัวที่ 1.736%



· เจ้าหน้าที่อาวุโสของทีมบริหารสหรัฐฯ เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เชื่อว่า ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากเกินไป ขณะที่ยูโรก็มีการอ่อนค่ามากเกินไป จึงรู้สึกว่าสถานการณ์แบบนี้เฟดควรผ่อนคลายด้วยการปรับลดดอกเบี้ย


อย่างไรก็ดี ทางทำเนียบขาวก็ยังไม่มีแผนที่จะทำการลดหรือปลดนายเจอโรม โพเวลล์ ออกจากตำแหน่งประธานเฟด เพียงแต่ภาพรวมทำเนียบขาวมีมุมมองความเห็นที่แตกต่างจากแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟด



ทั้งนี้ นายทรัมป์ คาดหวังว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯปี 2020 จะเติบโตได้หลังจากที่เขากลับมารับตำแหน่งในการเลือกตั้งปีหน้า แต่เฟดและธนาคารประเทศอื่นๆต่างปรับนโยบายค่าเงินของตนเอง เพื่อเพิ่มการแข่งขันในตลาดโลกมากเกินไป


· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงท่ามกลางแรงกดดันจากทำเนียบขาวเกี่ยวกับกเรื่องการปรับลดดอกเบี้ย โดยเขาระบุว่า องค์กรของตนจะไม่ถูกแรงกดดันทางการเมืองในระยะสั้น และเฟดมีความเป็นเอกภาพในการตัดสินใจ และรัฐสภาสหรัฐฯมีการเลือกแล้วที่จะให้เฟดมีฉนวนป้องกันแรงกดดันทางการเมือง พร้อมกันนี้ เขาระบุว่า จะทำหน้าที่ตามวาระจนครบ 4 ปี ดังที่กฎหมายมีข้อชัดเจนในเรื่องนี้และเฟดจะอดทนรอดูว่าจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินหรือไม่ ซึ่งบรรดาสมาชิกเฟดก็มีการจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสัญญาณของข้อมูลทางเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินนโยบายทางการเงินให้เหมาะสมกับการขยายตัว ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับใกล้เป้าหมาย 2%

· เจ้าหน้าที่ทีมบริหารอาวุโสของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่า สหรัฐฯมีความคาดหวังที่จะกลับมาเจรจาทางการค้ากับจีนอีกครั้ง หลังจากที่ 2 ผู้นำได้พบกันในวันเสาร์นี้ แต่ทางสหรัฐฯก็จะไม่ยอมรับเงื่อนไขใดๆเกี่ยวกับเรื่องภาษีการค้า


อย่างไรก็ดี ทั้ง 2 ประเทศอาจไม่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันครั้งใหม่ หากท่าทีการพบกันเป็นไปด้วยดี แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนี้ และสหรัฐฯก็ไม่มีความตั้งใจที่จะประชุมสัมปทานร่วมกันกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน



· นายโรเบิร์ต มูลเลอร์ หัวหน้าทีมสืบสวนพิเศษ ตอบรับคำสั่งของคณะกรรมการประจำรัฐสภาสหรัฐฯ และมีกำหนดจะขึ้นแถลงการณ์เกี่ยวกับผลการสืบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง ในวันที่ 17 ก.ค. โดยการแถลงการณ์จะมีการถ่ายทอดสดออกไปสู่สาธารณะ

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเตือน หากอิหร่านเปิดฉากโจมตีสหรัฐฯ พวกเขาจะถูกโต้กลับด้วย “กำลังที่เหนือกว่า” และจะ “ถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น” หลังจากที่สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเมื่อไม่กี่วันมานี้

ขณะที่ทาง นายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวต่อว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐฯว่า เป็นการกระทำที่ “โง่เขลา” และทำเนียบขาวกำลัง “ป่วยเป็นโรคทางจิต”

· องค์กร NATO เรียกร้องให้รัสเซียทำลายขีปนาวุธรุ่น SSC-8 ที่ตั้งประจำการในจุดต่างๆที่อาจเป็นภัยคุกคามกับทวีปยุโรป ไม่เช่นนั้น ประเทศพันธมิตรจะเป็นฝ่ายดำเนินการตอบโต้รัสเซีย

ขณะที่สหรัฐฯข่มขู่จะถอนตัวออกจากข้อตกลงว่าด้วยเรื่องขีปนาวุธที่ลงนามร่วมกับรัสเซียมาหลายทศวรรษ หากรัสเซียไม่ยอมดำเนินการตามข้อเรียกร้องของ NATO

· นายบอริส จอห์นสัน ผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่มีคะแนนนิยมสูงสุด ณ ขณะนี้ ยืนยันว่า จะผลักดันให้ให้อังกฤษถอนตัวออกจากอียูตามกำหนดการเดิมวันที่ 31 ต.ค. แม้จะไม่สามารถหาข้อตกลงได้ก็ตาม พร้อมกล่าวเตือนว่า หากอียูทำการขึ้นภาษีสินค้าจากอังกฤษ จะเป็นการกีดกันทางการค้าที่ล้าสมัยไม่ต่างจากยุคล่าอาณานิคมของนโปเลียน

ขณะที่นายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอห่งอังกฤศ และผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีคะแนนรองลงมาเป็นอันดับสอง แสดงความเชื่อมั่นว่า อังกฤษจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกับอียูได้ และจะสามารถรวมพรรค Conservative ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้

· ราคาน้ำมันดิบปิดผสมผสานกันเมื่อวานนี้จากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปิดปรับตัวลง แต่ตลาดก็ยังมีแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯและจีนที่ดูจะเป็นอุปสรรคต่ออุปสงค์พลังงาน


น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 19 เซนต์ หริอ +0.3% ที่ 65.05 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 17 เซนต์ หรือ -0.1% ที่ 57.83 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com