• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2562

    19 มิถุนายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางตลาดที่จับตาผลการประชุมเฟดในคืนนี้ โดยค่าเงินได้รับแรงหนุนจากสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินจากอีซีบี และปัจจัยทางเศรษฐกิจยูโรโซนที่อ่อนแอ


ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 97.653 จุด หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ระดับ 97.766 จุด เมื่อวานนี้

· นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัย Gaitame.Com มีมุมมองว่า ตลาดคาดการณ์เกือบเต็มที่ ว่าเฟดจะทำการปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. จึงน่าจะเป็นเรื่องยาก ที่ค่าเงินดอลลาร์จะฟื้นตัวจากแรงกดดันของกระแสคาดการณ์ดังกล่าวได้ เว้นเสียแต่ว่า เฟดมีถ้อยแถลงที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดหลังการประชุมคืนนี้ อีกทั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจปัจจุบันเต็มไปด้วยปัจจัยที่ไม่แน่นอน จึงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถบอกได้ว่า เฟดจะจับตาปัจจัยตัวไหนเป็นหลัก เพื่อใช้ประเมินแนวทางของการดำเนินนโยบายการเงิน

· ค่าเงินยูโรทรงตัวแถวระดับ 1.1190 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่อ่อนค่าลง 0.2% เมื่อคืนและทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 15 วันที่ 1.1181 ดอลลาร์/ยูโร

โดยค่าเงินยูโรยังคงถูกกดดัน จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปี ที่ปรับลงทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ -0.274% รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนตัวอื่นๆที่ต่างปรับลดลงประมาณ 3-5% หลังประธานอีซีบีส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หากอัตราเงินเฟ้อยูโรโซฯยังไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้า

USD/JPY: ส่งสัญญาณกลับเป็นขาขึ้นระยะสั้น ก่อนหน้าประชุมเฟด



· ค่าเงิน USD/JPY เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวโน้มขาลงระยะยาวระหว่าง 108.80 – 107.80 เยน/ดอลลาร์ มาติดต่อกันเกือบ 2 เดือน ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณของการกลับตัว หลัง RSI ราย 14 วัน เริ่มชี้ถึงแนวโน้มค่าเงินอาจ Break เทรนขาลงได้ก่อนทราบผลประชุมเฟดคืนนี้

ทั้งนี้ มองแนวต้านของเทรนขาลงระยะยาวไว้ที่ระดับ 108.88 เยน/ดอลลาร์ หากค่าเงิน Break แนวต้านนี้ไปได้ จะมีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 110.00 เยน/ดอลลาร์ แต่ต้องจับตาการประชุมเฟดเป็นหลัก โดยเฟดต้องมีการส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายมากกว่าที่ตลาดคาด ถึงจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันในค่าเงิน Break แนวต้านนี้ไปได้

EUR/USD technical outlook, levels to watch



· ค่าเงิน EUR/USD กำลังเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ก่อนทราบผลการประชุมเฟดคืนนี้ โดยถูกกดดันลงมาจากถ้อยแถลงของประธานอีซีบี ที่ส่งสัญญาณจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากจำเป็น ทั้งนี้ ค่าเงินได้อ่อนค่าหลุดแนวรับสำคัญที่ 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร และแนวรับดังกล่าวได้กลายมาเป็นแนวต้านสำคัญแทน ขณะที่แนวรับแรกมองไว้ที่ระดับ 1.1150 – 1.1160 ดอลลาร์/ยูโร ตามมาด้วยระดับต่ำสุดในรอบปีที่ 1.1106 ดอลลาร์/ยูโร โอกาสที่ค่าเงินจะอ่อนค่าหลุดแนวรับเหล่านี้ไปมีอยู่ต่ำ แต่ถ้าเกิดหลุดลงไป ค่าเงินจะมีโอกาสอ่อนค่าลงไปถึงระดับ 1.1000 ดอลลาร์/ยูโร สำหรับแนวต้านแรก ตามที่กล่าวมาเบื้อง คือระดับ 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร ถัดไปที่บริเวณ 1.1240 – 1.1260 ดอลลาร์/ยูโร ค่าเงินต้องยืนเหนือแนวต้านเหล่านี้ให้ได้ ภาพรวมระยะสั้นถึงจะเริ่มกลับเป็นขาขึ้น

· นักวิเคราะห์จาก Commerzbank ปรับคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของอีซีบีมาเป็นเดือน ก.ค. เร็วขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ หลังถ้อยแถลงของประธานอีซีบีเมื่อวานนี้ มีการส่งสัญญาณถึงการปรับลดดอกเบี้ยท่ามกลางภาวะที่อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงซบเซา

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดฉากแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งปี 2020 อย่างเป็นทางการในคืนที่ผ่านมา โดยในการกล่าวปราศรัยหาเสียงเมื่อคืนนี้ ณ เมืองโอแรนโด รัฐฟลอริด้า นายทรัมป์ยังคงจุดยืนในการผลักดันสหรัฐฯให้เจริญก้าวหน้าในด้านเศรษฐกิจเหมือนในปี 2016 รวมถึงจุดยืนที่เป็นปรปักษ์ต่อพรรคเดโมแครตที่พยายามหาทางปลดเขาออกจากตำแหน่ง

สำหรับการทิศทางของการเลือกตั้งปี 2020 ล่าสุดยังคงมีไม่ความชัดเจนว่า นายทรัมป์จะสามารถรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีได้หรือไม่

· นายมัตสึซุกะ อาซะคาวะ รองนายกรัฐมนตรีด้านการคลังแห่งญี่ปุ่น ยืนยันว่า การประชุมระหว่างผู้นำประเทศกลุ่ม G20 วันที่ 28-29 มิ.ย. ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ จะมีการหารือกันเกี่ยวกับปัญหาทางด้านการค้าระหว่างประเทศ และการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (World Trade Organization) พร้อมยืนยันว่า ญี่ปุ่นจะคงจุดยืนที่เป็นกลาง สำหรับประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

ทั้งนี้ ตลาดจะจับตาการพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการประชุม G20 ครั้งนี้ ซึ่งได้รับการยืนยันจากนายทรัมป์แล้วว่า ทั้งสองผู้นำจะมาพบกันอย่างแน่นอน

· เฟดมีแนวโน้มสูงที่จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% - 2.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่น่าจะมีการส่งสัญญาณถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินภายในปีนี้ ตามที่ตลาดและประธานาธิบดีสหรัฐฯต่างเรียกร้อง

ทางเฟดอาจมีการยอมรับถึงภาวะการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาด รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ซบเซา และยอมยกเลิกท่าที “อดทน” ต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งจะเป็นสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในการประชุมครั้งต่อๆไป

ผู้บริหารกองทุน Adams Funds มีความเห็นว่า หากเฟดไม่ทำการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมคืนนี้ เฟดจะมีถ้อยแถลงที่ส่งสัญญาณถึงการปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. ด้วยท่าทีระมัดระวัง

· บรรดานักวิเคราะห์ค่าเงินเริ่มมีมุมมองว่า หากนายบอริส จอห์นสัน ผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่มีโอกาสจะได้ดำรงตำแหน่งมากที่สุด จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินปอนด์เคลื่อนไหวในแดนลบต่อไป

โดยนายบอริส ได้คยประกาศไว้ว่าจะผลักดัน Brexit ให้เป็นไปตามกำหนดการเดิม คือในวันที่ 31 ต.ค. โดยไม่สนใจว่าจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกับอียูได้หรือไม่ ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยกัน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก ING คาดการณ์โอกาส 35% ที่จะเกิดกรณีรัฐสภาอังกฤษยื่นไม่ไว้วางใจผู้นำอังกฤษคนต่อไป และจะนำมาซึ่งการเลือกตั้งทั่วไปภายในช่วงปลายปี 2019 ส่งผลกระทบให้ Brexit ล้าช้าออกไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน ในกรณีดังกล่าว คาดว่าค่าเงินปอนด์เมื่อเทียบกับยูโรจะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.95 ยูโร/ปอนด์ และปอนด์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯที่ 1.18 ดอลลาร์/ปอนด์

· ส่วนนักวิเคราะห์ FX จากธนาคาร BMO คาดการณ์โอกาส 53% ที่ Brexit จะเกิดขึ้นตามกำหนดการในวันที่ 31 ต.ค. ทั้งแบบมีข้อตกลงและแบบไม่มีข้อตกลง โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่หาสามารถหาข้อตกลงได้ ค่าเงินปอนด์อาจอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สู่ระดับ 1.2100 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ค่าเงินยูโรจะแข็งค่าเมื่อเทียบกับปอนด์แถว 0.9008 ยูโร/ปอนด์

· รัฐบาลสหรัฐฯเรียกร้องให้ Facebook ระงับการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล “Libra” ที่ทางบริษัทฯเพิ่งประกาศเปิดตัวไปเมื่อวานนี้ รวมถึงให้ทางบริษัทฯส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาให้การกับคณะกรรมการ เพื่อให้ทางคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถพิจารณาได้ว่า การใช้สกุลเงินดิจิทัลจะเป็นภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงหรือไม่

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากอีซีบี รวมทั้งประเด็นความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังจากการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันที่นั่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็หนุนตลาดน้ำมันเช่นกัน

ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 62.34 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.4% ที่ระดับ 54.10 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ หัวหน้านักกลยุทธ์ประจำ CMC Markets ระบุว่า ดูเหมือนตลาดจะตอบรับเล็กน้อยหลังจากที่นายดรากี้ กล่าวว่า อาจจำเป็นต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจยูโรโซนไม่สามารถฟื้นตัวได้

ท่ามกลางตลาดที่กำลังรอคอยการประชุมโอเปกและผู้ผลิตรายอื่น ที่จะจัดการประชุมขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ เพื่อดูว่าจะมติขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกหรือไม่


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com