• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 มิถุนายน 2562

    18 มิถุนายน 2562 | Economic News

· ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า 0.1% แถว 97.437 จุด เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ที่ 96.46 จุด ก่อนหน้าการประชุมเฟดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย


· เครื่องมือ Fedwatch tool โดย CME Group ล่าสุด แสดงโอกาส 20% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และ 70% สำหรับโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ค.

· นักวิเคราะห์บางส่วนมีมุมมองว่า ค่าเงินดอลลาร์อาจแข็งค่ากลับขึ้นมาได้บ้าง หลังจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านค่าเงินอ่อนค่าลงไปมากกว่า 1% โดยเฉพาะหากเฟดมีการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายที่เป็น Neutral ในการประชุมครั้งนี้

· ขณะที่ นักกลยุทธ์จากธนาคาร HSBC มีความเห็นว่า ถ้อยแถลงครั้งที่ผ่านมาๆของบรรดาสมาชิกเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการเร่งรีบปรับลดดอกเบี้ยแต่อย่างใด ดังนั้นโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้หรือเดือนหน้า จึงมีไม่สูงมากนัก ขณะที่คาดว่า ค่าเงินดอลลาร์จะเริ่มทรงตัวหลังจากถูกเทขายลงในสัปดาห์ก่อน

· นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยเป็นส่วนหนึ่งแผนการดำเนินโยบายการเงินของอีซีบี ส่งผลให้ตลาดมีมุมมองว่า อีซีบีจะดำเนินนโยบายการเงินไปในเชิงผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนลงจากระดับ 1.1230 ดอลลาร์/ยูโร ไปทำระดับต่ำสุดที่ 1.12007 ดอลลาร์/ยูโร

นอกจากนี้ นายดรากี้ยังกล่าวว่า อาจจำเป็นต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจยูโรโซนไม่สามารถฟื้นตัวได้

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า Qualcomm และ Intel ได้มีการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องของการแบนบริษัท Huawei จากจีน เพื่อโน้มน้าวให้รัฐบาลพิจารณาผ่อนผันการแบน

ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าผลิตภัณฑ์ทั้งสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ค หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ นั้นใช้งานชิ้นส่วนที่มีทั่วไปอยู่แล้ว และ Huawei ก็เป็นผู้ซื้อชิ้นส่วนเหล่านั้นจากบริษัทของสหรัฐเอง จึงไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องของความมั่นคงจากใช้อุปกรณ์ของ Huawei แตกต่างจากอุปกรณ์ส่งสัญญาณ 5G ที่ดูจะเป็นภัยต่อความมั่นคงมากกว่า

การเข้าเจรจาครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทระบุว่า ไม่ได้ต้องการช่วยเหลือ Huawei แต่เป็นการช่วยเหลือบริษัทสหรัฐเอง

· นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารบีโอเจ ได้แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันนี้ว่า คณะกรรมการของบีโอเจ จะหารืออย่างแน่นอนเกี่ยวกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างเหมาะสม รวมทั้งพิจารณาถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในต่างประเทศที่อาจมีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของญี่ปุ่น รวมถึงผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ และจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับปัจจัยดังกล่าว


· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Moody’s Analytics แสดงความเห็นว่า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน เป็นบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

เนื่องจากทั้งสามประเทศ เป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบไปยังประเทศจีนมากที่สุด หากปริมาณอุปสงค์ในประเทศจีนอ่อนแอลงไป การส่งออกของประเทศเหล่านี้จะได้รับผลกระทบโดยตรง

· นักวิเคราะห์จากสถาบัน NDRC แห่งประเทศจีน มีมุมมองว่า ภาวะสงครามการค้าและความไม่นอนทางเศรษฐกิจอื่นๆ เริ่มสร้างผลกระทบต่อตลาดแรงงานในประเทศ โดยบริษัทในประเทศส่วนหนึ่งทั้งในภาคการเงินและอุตสาหกรรม เริ่มหลีกเลี่ยงหรือชะลอการจ้างงานบัณฑิตที่เพิ่งเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยมาใหม่

ทั้งนี้ แม้อัตราว่างงานของประเทศจีนยังอยู่ในระดับต่ำที่ 5% ในเดือน เม.ย. และ พ.ค. ที่ผ่านมา แต่อัตราส่วนของบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่สามารถหางานในประเทศทำได้กลับมีสูงขึ้น ขณะที่คาดการณ์ว่า ภายในปีนี้ จำนวนของบัณฑิตจบใหม่ในประเทศจะอยู่ที่ระดับ 8.34 ล้านคน มากกว่าปีก่อนที่ 8.2 ล้านคน

· นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีกำหนดการเดินทางเยือนเกาหลีเหนือภายในสัปดาห์นี้ เป็นเวลา 2 วัน และจะพบกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ยังคงยืดหยัดต่อต้านข้อเรียกร้องของสหรัฐฯให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์

การพบเดินทางเยือนเกาหลีเหนือครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุม G20 ที่นายจิ้นผิงอาจเดินทางไปร่วมการประชุมกับผู้นำสหรัฐฯด้วย

ทั้งนี้ นายจิ้นผิงอาจช่วยเกลี่ยกล่อมให้เกาหลีเหนือและสหรัฐฯกลับมาเจรจากันอย่างเป็นทางการได้อีกครั้ง รวมถึงอาจพยายามใช้เกาหลีเหนือเครื่องมือในการต่อรองกับสหรัฐฯ ที่กำลังก่อสงครามการค้าร่วมกับจีนอยู่

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ส่งสัญญาณถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง จากประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แม้ว่าราคาจะปรับตัวลง แต่เป็นการลดลงอย่างจำกัด ท่ามกลางตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังจากการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.7% ที่ะรดับ 60.54 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.5% ที่ระดับ 61.65 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ ตลาดรอคอยการประชุมโอเปกและผู้ผลิตรายอื่นในช่วงต้นเดือนก.ค. ปี 62 เกี่ยวกับการตัดสินใจยืดระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ



Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com