• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 17 มิถุนายน 2562

    17 มิถุนายน 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสในวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนแปลงมุมมองว่าเฟดอาจส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินน้อยกว่าที่เคยคาดไว้สำหรับการประชุมสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ตลาดการเงินส่วนใหญ่ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนลังเลที่จะเปิดสถานะใหญ่ๆก่อนหน้าการประชุมเฟด รวมถึงธนาคารกลางโปรตุเกสและธนาคารกลางอังกฤษที่จะมีการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้

เครื่องมือ FedWatch tool ของ CME Group คาดโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18-19 มิ.ย. นี้ ไว้ที่ 21.7% ลดลดจากเดิมเมื่อวันศุกร์ก่อนการประกาศยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่ 28.3% ส่วนโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. มีอยู่สูงถึง 85%

ดัชนีดอลลาร์ค่อนทรงตัวแถวระดับ 97.569 จุด ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขระที่ค่าเงินยูโรทรงตัวแถว 1.1209 ดอลลาร์/ยูโร



· นักวิเคราะห์จากสถาบัน ING มีมุมมองว่า ค่าเงินยูโรควรจะได้รับแรงหนุนจากภาวะที่เฟดมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรมีสัญญาณเชิงลบอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การผ่อนคลายนโยบายการเงินของอีซีบี ความขัดแย้งในประเด็นอิตาลี และ Brexit ซึ่งยังกดดันให้ค่าเงินยูโรไม่สามารถหลุดออกจากกรอบ 1.10 – 1.15 ดอลลาร์/ยูโร ได้ตลอดปีนี้


· ตลาดคาดการณ์ว่า ภายในปีนี้ เฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2-3 ครั้ง แต่ไม่ใช่ในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน Stifel ให้เหตุผลที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ 3 ปัจจัย คือ

1) การประชุม G-20 ที่กำลังใกล้เข้ามา เพื่อจับตาดูว่าผู้นำสหรัฐฯและจีนจะสามารถหาข้อตกลงทางการค้าได้ตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่

2) เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ดูเป็นการคล้อยตามคำข่มขู่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวโจมตีอย่างต่อเนื่อง

3) หากปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ จะทำให้ตลาดมีมุมมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือน ธ.ค. ปีก่อน กลายเป็นการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดไปเสีย

ทั้งนี้ ตลาด Futures คาดการณ์โอกาส 21% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 18-19 มิ.ย. หรือภายในสัปดาห์นี้ โดยลดลงจากคาดการณ์เดิมก่อนหน้าการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่ 30% ขณะที่โอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. อยู่ที่ 85% ส่วนโอกาสที่เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง ตลาดมองไว้ที่ 61% ในช่วงปลายปี



· เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในฮ่องกงเริ่มกลับเข้าสู่ความสงบ หลังผู้นำรัฐบาลฮ่องกงออกมาประกาศว่าจะระงับการผลักดันร่างกฏหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่งผลให้ประชาชนเริ่มสลายการชุมนุม และย่านเศรษฐกิจเริ่มกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประชาชนบางส่วน ไม่ถึงพันคน ยังคงรวมตัวชุมนุมกันอยู่ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยกเลิกร่างกฏหมายดังกล่าวไปโดยสมบูรณ์



· ตัวแทนของรัฐบาลออกมากล่าวว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน “อาจจะ” เดินทางเข้าร่วมการประชุม G-20 แต่การที่จะสามารถหาข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯได้นั้น ทางสหรัฐฯจำเป็นต้องยอมรับเงื่อนไข คือ ยกเลิกนโยบายภาษีที่ประกาศขึ้นหลังการประชุม G-20 ที่อาร์เจนติน่าเมื่อปีก่อนทั้งหมด และเปลี่ยนแปลงทัศคติของพวกเขาให้มองคู่ค้า “เท่าเทียมกัน”



· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาที่จะใช้มาตรการทุกรูปแบบในการจัดการปัญหาความตึงเครียดกับอิหร่านที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการใช้ทหาร แต่ยังย้ำว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ต้องการทำสงคราม

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ ที่ระดับ 62.15 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ ที่ระดับ 52.54 เหรียญ/บาร์เรล



CRUDE OIL TECHNICAL ANALYSIS



· ราคาน้ำมัน WTI ยังเคลื่อนไหวในกรอบเหนือแนวรับที่บริเวณ 50.31 – 51.33 เหรียญ/บาร์เรล หากวันนี้ราคาหลุดต่ำกว่าแนวรับ จะเปิดโอกาสให้ราคาลงต่อไปถึงระดับต่ำสุดของเดือน ก.ย. ปี 2016 ที่บริเวณ 42.05 – 43.00 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกัน หากราคารีบาวน์เหนือแนวต้านที่ระดับ 55.75 เหรียญ/บาร์เรล จะมีโอกาสขึ้นต่อไปถึงบริเวณ 57.24 – 57.88 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com