• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2562

    16 พฤษภาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินยูโรยังคงปรับอ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 1.1197 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนจะทรงตัวปิดตลาดที่ 1.1213 ดอลลาร์/ยูโร โดยตลาดให้ความสนใจต่อความตึงเครียดทางการค้าโลก มากกว่าจะตอบรับกับข้อมูลเศรษฐกิจเยอรมนีที่กลับมาขยายตัวได้ในไตรมาสแรก และทำให้ค่าเงินยูโรยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 1,250 ดอลลาร์/ยูโรได้



ทางด้านค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นได้เล็กน้อยมาแถว 6.8993 หยวน/ดอลลาร์ แต่ก็ยังคงถือว่าเคลื่อนไหวใกล้ระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 5 เดือนที่ทำไว้เมื่อวันอังคาร ขณะที่ล่าสุดดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวแถว 97.569 จุด หลังจากที่เมื่อวานนี้ไปทำ High แถว 97.6 จุด





· ยอดค้าปลีกประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯปรับตัวลดลงเกินคาดที่ระดับ -0.2% จากเดิมในเดือนมี.ค. ที่ขยายตัวได้ 1.7% จากกลุ่มภาคครัวเรือนที่ปรับลดการเข้าซื้อรถยนต์ และสินค้าอื่นๆ จึงเป็นปัจจัยที่สะท้อนถึงภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจหลังจากที่มีแรงหนุนชั่วคราวจากภาคส่งออกและสินค้าคงคลังในช่วงไตรมาสแรก และข้อมูลที่ออกมาย่ำแย่ล่าสุดได้ส่งผลให้เฟดสาขาแอตแลนตา ปรับประมาณการณ์จีดีพีไตรมาสที่ 2 โดยประเมินว่าจะขยายตัวได้เพียง 1.1% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1.6%

· รายงานจากการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า จีนได้มีการเทขายพันธบัตรสหรัฐฯด้วยมูลค่าที่มากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ



ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวถูกเก็บรวบรวมก่อนที่การเจรจาของทั้งสองฝ่ายจะหยุดชะงักลงจากการประกาศขึ้นภาษีของสหรัฐฯ โดยในเดือน มี.ค. จีนได้ทำการเทขายพันธบัตรสหรัฐฯเป็นมูลค่า 2.045 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2016 ขณะที่ก่อนหน้านั้นในเดือน ก.พ. จีนได้มีการเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐฯเป็นมูลค่า 1.08 พันล้านเหรียญ

· แหล่งข่าว 4 ราย เผยกับ CNBC โดยระบุว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์มีแผนจะเลื่อนการใช้นโยบายเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ออกไปอีก 6 เดือน จึงดูเหมือนช่วยหยุดการขยายวงกว้างของข้อขัดแย้งทางการค้าทั่วโลก

โดยในวันเสาร์นี้ ทางทำเนียบขาวจะเผชิญกับกำหนดเส้นตายการตัดสินใจว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์และอะไหล่ยนต์ที่ดูจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แต่หลังจากการตัดสินใจวันเสาร์นี้ ทางทำเนียบขาวก็น่าจะตัดสินใจขยายระยะเวลาการตัดสินใจนโยบายดังกล่าวออกไปอีก 180 วัน ท่ามกลางการเจรจากับประเทศคู่ค้า โดยประเทศคู่ค้ารถยนต์รายใหญ่ก็จะเป็นประเทศทางยุโรปและญี่ปุ่น



อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ดูเหมือนจะสร้างความเสี่ยงด้านการค้าโลกครั้งใหม่หากเขาตัดสินใจที่จะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ ขณะที่ทางอียูก็ดูจะพร้อมตอบโต้หากนายทรัมป์เลือกใช้มาตรการดังกล่าวจริง แต่ข่าวล่าสุดที่แผนดังกล่าวดูจะเลื่อนระยะเวลาออกไปก็ช่วยให้ตลาดหุ้นพลิกกลับมาแดนบวกได้หลังจากที่ปรับตัวลดลง รวมทั้งทำให้หุ้นบริษัทฟอร์ด และเจเนอรัล มอเตอร์ ดีดตัว



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีการประกาศเกี่ยวกับการยกระดับการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน และการปรับปรุงกฏหมายด้านการอพยพเข้าประเทศภายในคืนนี้ โดยการปรับปรุงกฏหมายการอพยพนายทรัมป์มีแนวคิดจะเอื้อประโยชน์ต่อผู้ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษ มีการศึกษาสูง และได้รับการเสนองานโดยตรงจากผู้ประกอบการในสหรัฐฯ มากขึ้น


· เกิดความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิตาลีและสหภาพยุโรปที่อาจขยายตัวรุนแรง หลังคาดการณ์เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปเปิดเผยออกมา คาดว่ายอดขาดดุลการค้าของอิตาลีมีแนวโน้มที่จะขยายตัวสูงกว่าเพดานที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ที่ 3% ภายในปี 2020

ซึ่งนายมัตเตโอ ซัลวินี รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวว่า รัฐบาลยอมที่จะให้ยอดเกินดุลขยายตัวเกินเพดานของสหภาพ หากเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้การจ้างงานในประเทศเติบโตขึ้นได้ ถ้อยแถลงดังกล่าวได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในตลาดอิตาลี ส่งผลให้พวกเขาหันเข้าหาพันธบัตรของเยอรมนีในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย



นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่า การเลือกตั้งสภาอียูสัปดาห์หน้า หากฝ่ายประชานิยมของอิตาลีสามารถครอบครงที่นั่งในสภาได้จำนวนหนึ่ง อาจช่วยเสริมอำนาจทางการเมืองให้กับรัฐบาลของนายซัลวินีได้



อย่างไรก็ตาม นายลุยจิ ดิ ไมโอ ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอิตาลีเช่นเดียวกับนายซัลวินี ได้ออกมากล่าวตอบโต้ถ้อยแถลงของนายซัลวินี โดยระบุว่า เป็นคำพูดที่ “ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ” และได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดที่กังวลว่าระดับหนี้สินของอิตาลีอาจเพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีก



· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อความตึงเครียดทางการค้าในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานของตลาดโลก จึงบดบังข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นเกินคาด


น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 24 เซนต์ ที่ 62.02 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 53 เซนต์ ที่ 71.77 เหรียญ/บาร์เรล



กระทรวง EIA เผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาด 5.4 ล้านบาร์เรล จากที่คาดกันว่าน้ำมันดิบสหรัฐฯน่าจะมีการปรับลงไป 8 แสนบาร์เรล



Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com