• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 23 เมษายน 2562

    23 เมษายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากความผันผวนของตลาดที่ลดลงทำให้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

โดยดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าที่บริเวณ 97.39 จุด ซึ่งเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดของปี 2019 ที่ 97.71 จุด

ขณะที่การเคลื่อนไหวของตลาดค่อนข้างเงียบเหงาเนื่องจากตลาดการเงินเปิดใหม่หลังจากวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์

นักวิเคราะค่าเงินห์จาก Commerzbank ระบุว่า ตลาดมีขอบเขตจำกัด โดยมีภาพรวมที่เป็นบวกมากขึ้นสำหรับค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรหลังจากที่ตัวเลขการผลิต PMI ของกลุ่มยูโรโซนอ่อนแอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

· ด้านค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงที่ระดับ 1.1243 ดอลลาร์/ยูโรและ 1.2986 ดอลลาร์/ปอนด์


· ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นทำระดับใหม่ในรอบ 8 วันทำการที่ 111.65 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางความเชื่อมั่นในฐานะ Safe-Haven ที่เพิ่มขึ้น จากกรณีตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน แต่แล้วเงินเยนก็กลับอ่อนค่ามาอีกครั้งแถว 111.8 เยน/ดอลลาร์จากท่าทีของสมาชิกบีโอเจ นายมาเอดะ ที่ดูจะมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงิน

ค่าเงินเยนแกว่งตัวในกรอบประมาณ 50 pips และมีภาวะสะสมพลังอยู่ระหว่างกรอบ โดยภาพรวมค่าเงินเยนยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย SMA ราย 100 และ 200 จึงยังบ่งชี้ถึงทิศทางอ่อนค่าอยู่ แม้ว่าจะมีโอกาสเห็นค่าเงินแข็งค่าหลุด 111.4 เยน/ดอลลาร์ได้ และถ้าหลุดระดับดังกล่าวจริง จะทำให้ภาพของเงินเยนกลับมาเป็นทิศทางแข็งค่าตามมา

แนวรับ: 111.75 111.40 111.10

แนวต้าน: 112.15 112.50 112.85

· นายเฮอร์แมน เคน ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการเฟด โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สละสิทธิ์รับการพิจารณาให้เข้ารับตำแหน่ง ท่ามกลางเสียงต่อต้านจากสมาชิกพรรครีพับลิกัน โดยให้เหตุผลว่า หากรับตำแหน่งจะเป็นการสูญเสียอิทธิพลและรายได้


· ในขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ บรรดาผู้เชี่ยวชาญเริ่มมีกระแสคาดการณ์กันว่า สหรัฐฯอาจหันไปกดดันการค้ากับทางยุโรปแทน

กระแสความกังวลดังกล่าวเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯและยุโรปมีประเด็นขัดแย้งกันเกี่ยวกับบทบาทของ Huawei ในการพัฒนาเครือข่าย 5G

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ นายแอนโทนี การ์ดเนอร์ อดีตเอกอัคราชทูตสหภาพยุโรปประจำสหรัฐฯ กล่าวว่า จะเป็นข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรงของสหรัฐฯ หากก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการค้าร่วมกับยุโรป พร้อมกล่าวแสดงความผิดหวังต่อทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีมุมมองว่ายุโรปเป็นศัตรูทางค้า ซึ่งความเป็นจริงแล้วทั้งสองฝ่ายควรให้ความร่วมมือกันมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือในการกดดันจีนให้เปลี่ยนแปลงพื้นฐานทางการค้า

· นายธาเมนทรา ปราทาน รัฐมนตรีกระทรวงปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติของอินเดีย ระบุว่า อินเดียจะนำเข้าน้ำมันจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่เพิ่มเติม เพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันส่วนที่ขาดไปจากอิหร่าน หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจยกเลิกคำสั่งผ่อนผันให้ 8 ประเทศนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งมีอินเดียรวมอยู่ด้วย พร้อมกับเตือนว่า หากประเทศเหล่านี้ยังคงนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ก็จะถูกสหรัฐคว่ำบาตร


· ทาง Goldman Sachs มีมุมมองว่า การประกาศยกเลิกผ่อนผันห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านสู่ประเทศคู่ค้าสำคัญ จะผลมีกระทบต่อราคาน้ำมันอย่างจำกัด แม้จะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดในระยะสั้นก็ตาม โดยทางธนาคารยังคงมองกรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน Brent ไว้ที่ระหว่าง 70-75 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับไตรมาสที่ 2

· ทางรัฐบาลจีนได้อ้างว่า ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจที่มากกว่าคาดการณ์ในไตรมาสที่ 1 อาจสนับสนุนให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจบางตัวได้ แต่บรรดานักวิเคราะห์กลับมองว่าจะกลายเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลจีน

โดยทางสถาบัน Nomura วิเคราะห์ว่า ทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีน “ยังไม่มั่นคงดี” และมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะกลับมาชะลอตัวลงได้ ส่วนการถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจควรเป็นแบบทยอยลดความเข้มข้นลง แต่ก็ยังคงเร็วเกินไปที่จะเริ่มดำเนินการได้ในปัจจุบัน

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในปีนี้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯเตรียมประกาศให้ผู้ซื้อทุกประเทศยุตินำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน และจะมีมาตรการจัดการกับประเทศที่ไม่ดำเนินการตาม

นักวิเคราะห์กล่าวว่าตลาดน้ำมันทั่วโลกจะสามารถรับมือกับการหยุดชะงักของอิหร่านได้เนื่องจากมีกำลังการผลิตสำรองเพียงพอจากซัพพลายเออร์รายอื่น

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ะรดับ 74.58 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.8% ที่ะรดับ 65.10 เหรียญ/บาร์เรล


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com